Today Selections >> BLA, CRC, JMT
Stock S R Comment
BLA 29.50 31.00 ได้ประโยชน์จาก Bond Yields ขึ้น
CRC 36.75 37.25 ได้ประโยชน์จากแผนเปิดประเทศใน 120 วัน
JMT 42.50 44.50 จ่อรับรูร้ายได้ 100% จากหนี้ใกล้ตัดต้นทุนหมด
Sub-1600 expected
• SET : คาด SET Index เปิดตลาดปรับตัวลงสอดคล้องกบตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้จากความกังวลการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ถึง 2 ครั้งในปี 2023 ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน จนทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวผันผวน และทำให้ VIX Index ปรับตัวสูงขึ้นมาตามที่เราประเมินไว้ ปัจจัยดังกล่าวยังทำให้เงิน USD แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกดดนต่อราคาโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน และทำให้ Fund flow มีแนวโน้มไหลออกสุทธิจากตลาดเกิดใหม่ในช่วงนี้
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยถึง 2 พันล้านบาท ทั้งๆที่มีการปรับตะกร้าดัชนี FTSE ซึ่งประเทศไทยได้รับการเพิ่มน้ำหนักในรอบนี้
• Breakeven crushed : ส่วนการปรับตัวของ Bond yield ในช่วงนี้ จะสังเกตุได้ว่ามีความชันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความคาดหวงเงินเฟ้อที่ลดลงในตลาดสอดคล้องกับมุมมองของเราเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ว่า กระแส Reflation trade นั้นน่าจะผ่านจุดสูงสุดของรอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามหลังคา Breakeven ในตลาดที่น่าจะผ่านจุดสูงสุดของรอบนี้ไปแล้วเช่นกัน
• Strategy : ในเชิงกลยุทธ์ เรายงคงมองกรอบการแกว่งตัวของ SET ในเดือนนี้ที่ 550 -1650 จุด ดังนั้นตราบใดที่ SET ยังไม่หลุดต่ำกว่าระดับ 1600 จุด ยังไม่แนะนำให้เข้าเพิ่มน้ำหนักใหม่ในช่วงนี้ ส่วนกลุ่มหุ้นที่นำจะปรับตัวแข็งแกร่งกวาตลาดได้ในช่วงนึ้ มองไปยัง
1) หุ้นกลุ่ม Commodity buyer ที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Non-oil) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ได้แก่ KCE, HANA, SMT, CPF, GFPT,TFG
2) หุ้นกลุ่ม Defensive ที่มีค่า Beta ต่ำและมีระดับ Dividend yield gap ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับลดของ Bond yield ระยะยาว ได้แก่ EGCO, RATCH, ADVANC
• Factors : สำหรับปัจจัยที่น่าติดตามประจำสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) การประชุมกนง.ของไทยในวันที่ 23 ม.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีการ Downgradeประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือขยายตัวราว 2% แต่มิใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
2) การรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้าของไทยประจำเดือนพ.ค.ในวันที่ 23 ม.ย. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ขยายตัว 34% และ 53% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน
3) รายงานตัวเลข Core PCE ของสหรัฐฯประจำเดือนพ.ค.ในวันที่ 25 ม.ย. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ขยายตัว 0.6% MoM
• Curve flattening : สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด ณ ขณะนี้ถือเป็นกรณีเลวร้ายสุดที่จะเกิดขึ้นได้กับตลาดหุ้น กล่าวคือ Bond yield ระยะสั้นมีการขยับขึ้นสะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนต่อการปรับขึ้นของดอกเบี้ย Fed Funds rate ที่เร็วกว่าคาดการณ์เดิมก่อนหน้านี้ โดยจากการตรวจสอบของเราล่าสุดพบว่า เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา Fed Funds forward curve ยังคงมีการขยับขึ้นต่ออีกเล็กน้อย
ในทางกลับกัน Bond yield ระยะยาว ณ ขณะนี้ได้มการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความคาดหวังเงินเฟ้อในอนาคตที่ลดลงจากแนวนโยบายการเงินของ Fed ที่จะเริ่มเข้มงวดในช่วงถัดไป ส่งผลให้ล่าสุดความชัน Yield curve สหรัฐฯ ไม่ว่าจะดีในรุ่น 10y-2y หรือ 30y-5y นั้นต่างทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
• Beware of value stock : มองปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกดดันต่อราคาหุ้นในกลุ่ม Value ได้ในช่วงสั้น ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่ผันแปรกับความชัน Yield curve ดังกล่าวสังเกตุได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ดัชนี Dow Jones ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่ม Value play นั้นปรับตัวลงมากกว่าดัชนี NASDAQ อย่างสำคัญ ส่วน Implication ต่อตลาดหุ้นไทยนั้น มองกลุ่มที่อาจจะต้องระมัดระวังมากที่สุดจากปัจจัยนี้ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK)
แนวรับ 1,595 แนวต้าน 1,622
Todays Event :
• ALL ลูกหุ้นเข้า 5,280,019 หุ้น