บล.ฟิลลิป :
ราคาหุ้นยังซื้อขายตามราคาน้ำตาลตลาดโลก
ช่วงที่เหลือของปี คาดการดำเนินงานอ่อนลง
แนวโน้มการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี แม้คาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นจาการขายน้ำตาลในครึ่งปีหลังราว 4.5 แสนตันมากกว่าในครึ่งปี แรกที่ขายอยู่ราว 1.65 แสนตัน แต่แนวโน้ม margin ในครึ่งปีหลังคาดลดลงกว่าในครึ่งปีแรกจากผลกระทบของต้นทุนอ้อยที่เพิ่มขึ้น ทำให้การดำเนินงานในกลุ่มน้ำตาลไม่ดีกว่าในครึ่งแรก
ขณะที่ในส่วนไฟฟ้าคาดว่าการดำเนินงานจะได้รับผลจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทางฝ่ายได้ปรับประมาณการลงจากเดิมจากผลการดำเนินงานที่น้อยกว่าคาดโดยเฉพาะผลกระทบจากต้นทุนอ้อยที่เพิ่มขึ้นประมาณการยอดขาย 9,539 ล้านบาท ลดลง 18% และปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 750 ล้านบาท
แนวโน้มราคานํ้าตาลยังมีปัจจัยหนุนแต่ก็มีปัจจัยกดดัน
แนวโน้มราคาน้ำตาลยังได้ปัจจัยหนุนจาก 1) สภาพอากาศในบราซิลที่อาจยังได้รับผลจากภัยแล้งซึ่งจะทำให้ผลผลิตต่ำกว่าคาด 2) ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตในบราซิลจะหันไปผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้น แทนผลิตน้ำตาลซึ่งคาดว่าปีหน้าจะเพิ่มเป็น 53.66% จาก 52.74% ในปี 63/64 3) คาดปี64/65 จะเกิดภาวะขาดดุลน้ำตาลราว 0.95 ล้านตัน
แต่ปัจจัยที่อาจกดดันให้ราคาขายปรับขึ้นได้จำกัดจะมาจาก 1) การส่งออกน้ำตาลของอินเดียมากขึ้น และยังมีเงินอุดหนุนเพื่อการส่งออก 2) คาดการณ์ปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยปี 64/65 จะเพิ่มเป็น 85 ล้านตันเพิ่มขึ้น 27% y-y จาก 66.66 ล้านตันโดยปัจจุบัน อนท. ได้ขายล่วงหน้าปี 64/65 ไปแล้วราว 16.7% ที่ 17.12 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งทาง KSL ได้ขายไปในสัดส่วนใกล้เคียงกัน แต่หากราคาขายดีกว่าราว 10 จุด
คงแนะนำ“ซื้อเก็งกำไร” ตามราคานํ้าตาลตลาดโลก ปรับราคาพื้นฐานเป็น 4.24 บาท
แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะซื้อขายบน P/E ที่สูงถึง 23 เท่า แต่แนวโน้มราคาน้ำตาลที่ยังอิงทางขึ้น ทำให้ยังมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ ทางฝ่ายคงแนะนำ ”ซื้อเก็งกำไร” ตามราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับราคาพื้นฐานเป็น 4.24 บาท
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ # 17971
โทร : 02-6351700 # 484