ลุยงานเมกะโปรเจกต์ ภาครัฐ และเอกชน
ดัน Backlog แตะ 7,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้โตตามเป้า 20%
RT มองทิศทางครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง คาดรับผลกระทบเล็กน้อยจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้างพร้อมลุยประมูลงานเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ และเอกชนเพิ่ม มีงานที่ประมูลได้แล้วรอเรียกลงนาม 3 สัญญา พร้อมติดตามงานรอพิจารณาผล 2 สัญญา มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท หนุน Backlog ปี 64 แตะ 7,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้โตตามเป้าหมาย 20%
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า จากประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ในการปิดไซต์งานก่อสร้างและที่พักแรงงานภายในพื้นที่กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงห้ามแรงงานเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นระยะเวลา 30 วัน และห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมและชะลอการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทได้รับผลกระทบดังกล่าวเพียงเล็กน้อยและเป็นผลกระทบระยะสั้น เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆทั่วประเทศ มีเพียงโครงการเดียวที่อยู่ระหว่างดำเนินการในเขตพื้นที่ปริมณฑล คือ โครงการก่อสร้างท่อลอดสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังดำเนินการทำจดหมายขอผ่อนปรนให้สามารถก่อสร้างงานส่วนที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตามมองว่าทิศทางครึ่งปีหลัง 64 บริษัทมีแนวโน้มการเติบโตจากแผนที่วางไว้
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทมุ่งเน้นรับงานในประเทศที่มีมาร์จิ้นสูงและงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานที่ประมูลได้แล้วรอเรียกลงนามในสัญญา จำนวน 3 สัญญา รวมมูลค่างาน 615 ล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้างทางหลวงและสะพานชั้นพิเศษ จ.สงขลา เป็นการร่วมทุนกับบริษัท วิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด มูลค่าสัญญา 560 ล้านบาท, งานก่อสร้าง Slope Protection จำนวน 2 สัญญา มูลค่ารวม 55 ล้านบาท และ มีงานประมูลที่อยู่ระหว่างรอพิจารณาผล จำนวน 2 งาน รวมมูลค่างาน 619 ล้านบาท ได้แก่งาน Pipe Jacking โครงการก่อสร้างท่อลอดสายไฟฟ้าลงใต้ดินในกรุงเทพฯ มูลค่างาน 523 ล้านบาท และ งานปรับปรุงดินชั้นฐานรากอ่างเก็บน้ำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 95 ล้านบาท รวมมูลค่างานทั้งหมด 1,200 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทยังมีงานอยู่ระหว่างเจรจารับงานเพิ่มทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ งานอุโมงค์ทางรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ งานอุโมงค์ดินอ่อนในกรุงเทพฯ โดยบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 31 มี.ค. อยู่ที่ 3,213 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปี 64-66 หากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะส่งผลให้บริษัทมี Backlog อยู่ที่ 7,000 ล้านบาทในปีนี้
ปัจจุบันบริษัทสามารถดำเนินงานตามแผน และทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ ความคืบหน้า 71 % ,งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา ความคืบหน้า 91 %, งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก กรมชลประทาน จ.เลย ความคืบหน้า 17 % และ โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ความคืบหน้า 52 %
ขณะที่ งานต่างประเทศ อยู่ในช่วงทยอยรับรู้รายได้ จากโครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ และงานปรับปรุงฐานรากเขื่อนเดือนตรี ประเทศกัมพูชา (Diversion Tunnel, Duantri Dam, Cambodia ) มูลค่า 201 ล้านบาท มีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 49%
“สำหรับครึ่งปีหลังบริษัทยังคงมุ่งเน้นการผลิตงานให้มีคุณภาพด้วยเทคนิคเฉพาะที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และเสร็จทันเวลาตามแผน อีกทั้งยังเดินหน้าประมูลงานและติดตามงานโครงการที่จะเกิดขึ้นตามแผนภาครัฐรวมถึงส่วนงานเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มโอกาสการรับงานใหม่ คาดว่างานทั้งหมดที่อยู่ในมือจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย ผลักดันให้รายได้เติบโต 20%” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม