บล.ทิสโก้ :
KCE : Q2 เติบโต YoY และ QoQ แต่ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จากราคาที่เพิ่มขึ้น
ยังฟื้นตัวต่อ การปิดโรงงานกระทบน้อย; ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จากราคาที่เพิ่มขึ้น
เราคาด KCE จะสร้างกำไรในช่วง 2Q21 ได้ราว 526 ลบ. เพิ่มขึ้น 638% YoY จากฐานที่ต่ำในช่วง 2Q20 จากการระบาด และเพิ่มขึ้น 5% QoQ จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง การปิดโรงงานในอยุธยา (34% ของกำลังการผลิตรวม) คาดจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะต่อกำไรสุทธิ เนื่องจากมีคลังสินค้าสำรองไว้แล้ว โดยเราประเมินผลกระทบจากการปิดโรงงาน 2 อาทิตย์ จะส่งผลต่อกำไรสุทธิราว 1.8% เท่านั้น อย่างไรก็ดี เราลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จากอัพไซด์ที่ต่ำ จากราคาที่เพิ่งเพิ่มสูงขึ้น
คาดกำไรหลัก 2Q21F อยู่ที่ 526 ลบ. เพิ่มขึ้น 22% QoQ จากบาทอ่อน
เราคาดรายได้ 2Q21F จะอยู่ที่ 3,638 ลบ หรือ 116 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 74% YoY จากฐานที่ต่ำจากโควิด และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.4% QoQ จากการใช้กำลังการผลิตเต็มประสิทธิภาพตั้งแต่ 4Q20 GPM คาดจะขยายตัว QoQ อยู่ที่ 26.5%, เนื่องจาก USD/THB ที่อ่อนค่าลง 3.6% เหลือ 31.4 (จาก 30.1 ในช่วง 1Q21) SG&A คาดทรงตัว QoQ กำไรจากการดำเนินงานเติบโต 24% QoQ อยู่ที่ 561 ลบ. คาดกำไรสุทธิ 2Q จะอยู่ที่ 526 ลบ (+638% YoY, +5% QoQ)
กำไรสุทธิ 2021-22F ปรับเพิ่ม 3-4% จากสมมติฐาน USD/THB
ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า 6% YTD เป็นปัจจัยบวกต่อกำไรของ KCE เนื่องจากบริษัทพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมาก โดยบาทนั้นอ่อนค่ามากกว่าค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาคอย่าง MYR (-2.6% vs.USD) และ PHP และ IDR (-1.7% ทั้งคู่) แต่สวนทางกับ CNY ที่แข็งค่า 1% YTD หลังรวมสมมติฐานค่าเงินบาทที่ 31.3 (จากเดิม 31.0) และผลผลิตที่สูงขึ้นในช่วง 2022F ที่ 2.7% ทำให้เราปรับกำไรสุทธิ 2021-22F เพิ่มอีก 3-4%
ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 78.5 บาท จาก relative valuation
เราประเมินมูลค่าเหมาะสมอิง PER 33.2x (+2 SD จากค่าเฉลี่ย 5 ปี) ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ อัตราการชำรุดของ HDI ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2H21, ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และค่าเงินหยวนอ่อนค่า