บล.เอเชียพลัส:
ลงทุน Allnex 100% เพิ่มพอร์ต specialty chemicalที่มี margin สูง ต่อยอดกําไรระยะยาว
PTTGC ประกาศเข้าซื้อหุ้นสามัญใน Allnex Holding GmbH สัดส่วน 100% มูลค่าราว 1.33 แสนล้านบาทเพิ่มพอร์ตลงทุนในธุรกิจ downstream ที่มีมูลค่าสูง ซึ่ง Allnex ถือเป็นผู้ประกอบการชั้นนําของโลกในกลุ่ม Industrial Coating Resins กระจายตัวใน 14 ประเทศทั่วโลก มี EBITDA อยู่ราว 1.2 หมื่นล้านบาทต่อปีคิดเป็น EV/EBITDA ที่ราว 9.8 เท่าแหล่งเงินทุนมาจากเงินสดในมือโดยไม่ต้องเพิ่มทุน มองเป็นบวกในระยะยาว สําหรับการลงทุนดังกล่าว
เข้าซื้อกิจการ 100% ใน Allnex กลุ่ม Indutrial Coating Resins ยอดฐานกําไรในระยะยาวให้ PTTGC
PTTGC เข้าซื้อหุ้นสามัญใน Allnex Holding GmbH จาก Allnex Holdings S.à.r.l ใน สัดส่วนทั้ง 100% ที่ราคา 3.6 พันล้านยูโรหรือเทียบเท่ามูลค่าราว 1.33 แสนล้านบาท และให้เงินกู้อีกราว 426.3 ล้านยูโรหรือเทียบเท่ามูลค่าราว 1.6 หมื่นล้านบาทรวมถึงซื้อหุ้นบุริมสิทธิใน Allnex Holding Germany II GmbH สัดส่วน 6% ที่ราคา 1.7 พันยูโร หรือเทียบเท่ามูลค่าราว 6.5 หมื่นบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นราว 4.0 พันล้านยูโรหรือเทียบเท่ามูลค่าราว 1.48 แสนล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 37.0836 บาท ต่อ 1 ยูโร)
โดยบริษัท Allnex Holding GmbH ถือเป็นบริษัทผู้ผลิต Coating Resins และ Crosslinkers ชั้นนําระดับโลก โดยมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Industrial Coating Resins เป็นหลัก มี portfolio ที่ diversified ครอบคลุมทุกตลาด และท่ัวทุกภูมิภาคทั้ง EMEA, Americas และ APAC ด้วยกําลังการผลิต 1.25 ล้านตันต่อปี กระจายใน 14 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการเข้าทําธุรกรรมดังกล่าวถือเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการดําเนินธุรกิจของ PTTGC ที่มุ่งเน้นเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงด้วยการเพิ่มสัดส่วนกําไรจาก High Value Business (HVB) ท่ีคาดจะมีการเติบโตตามความต้องการใช้ของของผู้บริโภคภายใต้ Megatrends โดย PTTGC ให้น้ําหนักการลงทุนในกลุ่ม specialty chemical ท่ีมี margin สูง และไม่ผันผวนตามสถานการณ์ท่ัวไป รวมถึงต้องการกระจายสาย portfolio ของ PTTGC ลงไปในกลุ่ม downstream มากขึ้นและมุ่งเน้นการลงทุนไปท่ี operatingasset ที่สามารถเข้าไปต่อยอดและสร้างกําไรกลับมาให้ PTTGC ได้ทันที
ซึ่งหากพิจารณาในส่วนของทิศทางกําไรของบริษัท Allnex Holding GmbH พบว่ามีรายได้ EBITDA และ กําไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลังอยู่ราว 7.1 หมื่นล้านบาท 1.2 หมื่นล้านบาทและ 3.3 พันล้านบาทตามลําดับโดยมีค่า EV/EBITDA อยู่ที่ 9.8 เท่า ซึ่งถืออยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ยสําหรับการลงทุน โดยในส่วนของกําไรสุทธิอาจจะดูต่ำเมื่อเทียบกับ EBITDA เนื่องจากลักษณะของธุรกิจท่ีเป็น special chemical ทําให้ต้องเงินลงทุนในส่วนของ intangible asset ในระดับที่สูง จากการลงทุนพวก R&D จึงมีการตัดจําหน่าย amortization ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตามสําหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนคร้ังนี้ ผู้บริหารยืนยันจะไม่มีการเพิ่มทุน โดยแหล่งเงินทุนกว่า 1.48 แสนล้านบาท คาดจะมาจากเงินสดที่มีอยู่ในมือ ณ ส้ินงวด 1Q64 ราว 1.0 แสนล้านบาท เงินจากการขายหุ้น GPSC ในช่วงก่อนหน้าราว 2.5 หมื่นล้านบาท และเงินสดหมุนเวียนท่ีคาดจะเพิ่มข้ึนหลังจากมีการปรับเงินทุนหมุนเวียนกับ PTT ใน ส่วนของการซื้อขายน้ํามันดิบอีกราว 3.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดจะเพียงพอสําหรับดีลนี้โดย ไม่ต้องเพิ่มทุน ท้ังน้ีสําหรับการแจ้งตลท.สําหรับเงินกู้ยืมจาก PTT ที่ 7.4 หมื่นล้านบาทในครั้งนี้นั้น ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อบริหารสภาพคล่องซึ่งเป็นเงินกู้ระยะสั้น เพราะจะมีหุ้นกู้ที่จะถึงกําหนดชําระในปีน้ีและปีหน้ารวมราว 5.0 หมื่นล้านบาท หากมีการปรับโครงสร้างเรียบร้อยก็จะทยอยชําระคืน PTT ซึ่งหากมาพิจารณา Net Debt to Equity ของ PTTGC ในปัจจุบันพบว่าอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.3 เท่า และภายหลังจากกู้ยืม PTT จะเพิ่มไปอยู่ราว 0.6 เท่า ไม่ได้มีปัญหาในส่วนของฐานะการเงินแต่อย่างใด
ทั้งน้ีฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาวสําหรับการเข้าลงทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นการต่อยอดฐานกําไรในระยะยาวของ PTTGC ในผลิตภณัฑ์กลุ่ม specialty ที่มี margin สูง ลดความผันผวนจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม commodity ที่ PTTGC มีอยู่ สําหรับในส่วนของมูลค่าพื้นฐาน ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการ จะนําเสนอรายละเอียดอีกคร้ังหลังจากการ ประชุมนักวิเคราะห์ในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามหากอิงมูลค่าพื้นฐานปัจจุบันที่ 69 บาทต่อหุ้น พบว่าราคาหุ้นปรับฐานลงไปมากอาจเพราะกังวลเรื่องเพิ่มทุน เพราะมูลค่าเงินลงทุนค่อนข้างสูง แต่ทางผู้บริหารได้ออกมายืนยันแล้วว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนจากการลงทุนดีลน้ี จึงไม่มี dilution effect เกิดข้ึน ซึ่งหากอิง FV ในปัจจุบันพบว่าให้ upside กว่า 26% มอง เป็นโอกาสทยอยสะสมลงทุนระยะยาว
แนะนํา : ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท): 58.50
ราคาเป้าหมาย (บาท): 69.00