บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตคอนกรีตอัดแรงชั้นนำของไทย

  • STECH เป็นผู้ผลิตคอนกรีตอัดแรงชั้นนำของไทย ด้วยการอยู่ในธุรกิจนี้มา 20 ปี ทําให้มีความสัมพันธ์อันดีกับ ลูกค้า และมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สูงขึ้นมาโดยตลอด
  • มองว่า STECH จะเติบโตได้อีกมากตามโครงการก่อสร้างใหม่ ทั้งของภาครัฐและเอกชน และการ IPO จะช่วย ขยายฐานธุรกิจให้กว้างขวางย่ิงข้ึน
  • ประเมินกําไรเติบโต +19%CAGR ใน 4 ปีข้างหน้าตามการได้รับงานใหม่ และการขยายโรงงานใหม่ให้ครอบคลุมพื้นที่ ประเมินราคาเป้าหมายท่ี 3.93 บ. อิงวิธี DCF เทียบเท่า FY65F P/E 13.5x แนะนํา “ซื้อ”

ประเด็นการลงทุน

ผู้ผลิตคอนกรีตอัดแรงช้ันนําของไทย STECH ก่อตั้งธุรกิจเมื่อปี 44 ทำให้มีประสบการณ์และความชำนาญใน

  • ธุรกิจมา 20 ปี STECH เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตอัดแรงภายใต้แบรนด์ “STEC” โดยมีผลิตภัณฑ์ท่ีหลากหลายทั้งเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์คานสะพาน เสาเข็มสปัน ตลอดจนให้บริการรับเหมาก่อสร้างในงานติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และเคเบิลใยแก้วนำแสง เรามองว่าธุรกิจแบบนี้ต้องอาศัย ความชำนาญสูง เพราะต้องผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพมีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับจากลูกค้า อีกทั้งต้องผลิตด้วยต้นทุนท่ีสามารถแข่งขันได้ ตลอดเวลาท่ีผ่านมา STECH ได้พิสูจน์ถึงความสำเร็จผ่านฐานรายได้ที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอจากจุดเริ่มต้นเพียง 70ลบ./ปี จนเป็น 1.6 พันลบ.ในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างฐานลูกค้าท่ีหลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการไฟฟ้า ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆในอนาคต
  • มีโอกาสทางธุรกิจอีกมากจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ แม้ในช่วงนี้อุตสาหกรรมก่อสร้างจะชะลอตัวลงจากผลกระทบ COVID-19 แต่เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้ยังจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ และเร่ิมมีสัญญาณฟื้นตัวจากการลงทุนภาครัฐผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆใน 1Q64A รวมถึงยังมีโครงการใหม่อีกมากตามแผนพัฒนาของประเทศ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รถไฟทางคู่ การก่อสร้างโครงการต่างๆ ใน EEC รวมถึงการไฟฟ้าก็มีแผนลงทุนระบบส่งไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายคอนกรีตอัดแรงและเสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรงของ STECH ตามมาด้วย เรามองว่าการทำ IPO ในครั้งนี้จะยิ่งส่งเสริมให้ STECH แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อช่วงชิงโอกาสจากโครงการต่างๆ เหล่านี้
  • เน้นการมีสาขาท่ีมากและครอบคลุมพื้นท่ีเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง STECH ให้ความสำคัญกับการขยายโรงงานให้ครอบคลุมพื้นที่มาโดยตลอด และเน้นในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การระดมทุนผ่าน IPO ถือเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญ เพื่อนำไปใช้ขยายโรงงานสาขาใหม่ท่ีชลบุรีและมุกดาหาร เพื่อรองรับโอกาสจาก EEC และโครงการรถไฟทางคู่ อันจะช่วยเพิ่มฐานรายได้ในอนาคต นอกจากนั้น การขยายสาขายังเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สูงขึ้นเ พราะใกล้แหล่งวัตถุดิบ ใกล้ลูกค้า ช่วยประหยัดค่าขนส่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการควบคุมต้นทุน และยังเป็นการเพิ่มโอกาสการได้งานใหม่อีกด้วย
  • คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย +19%CAGR ใน 4 ปีข้างหน้าเราคาดว่ากำไรของ STECH จะเติบโตเฉลี่ย +19% CAGR ใน 4 ปีข้างหน้า (ปี 64-67) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ท่ีเติบโต +13%CAGR ตามการฟื้นตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและการลงทนุก่อสร้างภาคเอกชนซึ่งจะช่วยหนนุยอดขายของ STECH ท่ีน่าจะรักษาฐานลูกค้าและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ต่อเนื่อง อีกทั้งการขยาย 2 โรงงานสาขาใหม่จะช่วยเพิ่มกำลังผลิตในพื้นท่ีที่มีศักยภาพ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปีหน้าจากการแข่งขันด้านราคาที่เบาบางลง และการประหยัดต่อขนาดรวมถึงคาดว่า STECH จะได้ปัจจัยหนุนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานให้เพิ่มด้วยอัตราที่ต่ำกว่ารายได้ที่เติบโต และต้นทุนการเงินลดลงตามการคืนหนี้เงินกู้ยืมจากเงิน IPO โดยกำไรที่เติบโตจะหนุนให้ ROE ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจาก 14.5% ในปีนี้ เป็น16.9% ในปี 67

ประเมินมูลค่า

  • ประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 3.93 บ. เราประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 3.93 บ. ซึ่งคำนวณมาจากวิธี DCF อิงการเติบโตระยะยาวที่ 1% ต่อปี และ WACC 9% และเทียบเท่า FY65F P/E 13.5x โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันทั้งธุรกิจคอนกรีตอัดแรง ธุรกิจงานระบบสายส่งไฟฟ้า 115kV และเคเบิลใยแก้วนำแสงซึ่งอยู่ที่ 19.5x เรามองว่า STECH มีความน่าสนใจจากความชำนาญสูงในธุรกิจนี้ และการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่ง แนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -