บล.กรุงศรีฯ:

ANAN – ศาลเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง Ashton Asoke (TP Bt0.90, SELL)
กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
หุ้นANAN
มูลค่าพื้นฐาน0.90
คำแนะนำSELL

 

  • What’s new

ศาลตัดสินเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ Ashton Asoke

  • Analysis

จากการทีมีการยื่นฟ้องผู้ว่าการรฟม. (รถไฟฟ้ามหานคร) ในประเด็นไม่มีสิทธิในการให้อนุญาตให้เอกชนในการใช้พื้นที่สาธารณะ เว้นแต่ได้การอนุมัติจากครม. บริษัท (ANAN) ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการฟ้องร้องครั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีการทำข้อตกลงและได้รับอนุญาตจากทางผู้ว่าการรฟม. ในการให้ ANAN ใช้พื้นที่ใกล้สถานี MRT อโศก สำหรับเป็นทางเข้าออกโครงการ Ashton Asoke ซึ่งข้อตกลงและการได้รับอนุญาตดังกล่าวอาจเป็นกระบวนการที่มิชอบด้วยกฏหมาย

ศาลปกครองกลางตัดสินคดีและได้มีการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ Ashton Asoke เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่านี้จะเป็นคำตัดสินจากศาลขั้นต้น เรามองว่าปัจจัยนี้เป็นข่าวเชิงลบต่อ ANAN เนื่องจากข่าวนี้จะกระทบชื่อเสียงของบริษัทและความมั่นใจผู้บริโภค ในส่วนของทางการเงินเองบริษัทก็อาจต้องตั้งกันสำรองสำหรับคดีความแม้อาจไม่ต้องตั้งเต็มมูลค่าโครงการ แม้ยังไม่ชัดเจนว่าต้องตั้งเป็นจำนวนเงินเท่าไร แต่แน่นอนว่าจะกระทบต่อผลประกอบการ

โครงการ Ashton Asoke (มูลค่า 6.5พันลบ.) เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 โดยก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนให้กับผู้อยู่อาศัยในปี 2018 จนปัจจุบัน Ashton Asoke มีการขายและโอนไปแล้วราว 85% โดยที่ลูกค้าที่ซื้อหน่วยอาศัยในโครงการ Ashton Asoke มีการเซ็นรับทราบข้อพิพาททางกฏหมายในประเด็นทางเข้าออกนี้ เพื่อแลกกับส่วนลดราคา

ในมุมมองขอเรา เราไม่คิดว่า ANAN จะยอมรับคำตัดสิน เพราะนี้ยังไม่ใช่คำพิพากษาสุดท้ายจากศาลฏีกา และ ANAN มีแนวโน้มจะยื่นอุทธรณ์ต่อสำหรับคดีนี้ อย่างไรก็ตามคดีนี้อาจใช้เวลาหลายปีกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด หากศาลฏีกายืนคำตัดสินตามศาลชั้นต้น เราอาจเห็น ANAN ยื่นฟ้องรฟม. และกทม. เนื่องจากข้อตกลงของบริษัทที่ทำกับหน่วยงานของรัฐและกระบวนการอนุญาตที่มิชอบด้วยกฏหมาย รวมถึงการออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างทำให้เกิดความเสียหายให้บริษัทและลูกค้าหลายราย ดังนั้นเราเชื่อว่าข้อพิพาทนี้จะจบด้วยการประนีประนอม แต่หากศาลมีคำพิพากษาให้รื้อถอนอาคารเรามองว่าบริษัทจะต่อสู้ทางกฏหมายซึ่งทาง รฟม.และ หน่วยงาน กทม. อาจต้องชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

  • Action/ Recommendation

เราคงคำแนะนำ ขาย ANAN บนราคาเป้าหมาย 0.9 บาท เรามองหุ้นซื้อขายที่ระดับ valuation (PER) ที่สูงไม่สอดคล้องกับผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยเมื่อบริษัทเผชิญแรงกดดันจากคดีความ

 

- Advertisement -