บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:
The Siam Cement Public Company Limited บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
อ่อนตัวในครึ่งหลังของปี
- ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจะถูกกระทบ ทั้งด้านความต้องการที่อ่อนแอ และด้านต้นทุนตามราคาถ่านหินที่สูงขึ้น
- สเปรดผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนตัวจะกระทบต่ออัตรากำไรในครึ่งหลังของปี
- คาดกำไร 2H64F อ่อนตัวจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและธุรกิจเคมิคอลส์
- ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” โดยมองว่า SCGP มีความน่าสนใจมากกว่าจากทิศทางกำไรที่แข็งแกร่งกว่า
ประเด็นการลงทุน
- ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง: ถูกกระทบทั้งด้านความต้องการและต้นทุน SCC มองว่า ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่รุนแรงต่อเนื่องและการปิดไซต์งานก่อสร้าง จะส่งผลกระทบให้ความต้องการใน 3Q64F อ่อนตัวลง หลังจากยอดขายปูนซีเมนต์ภาพรวมของไทยใน 2Q64A หดตัว -2%YoY โดยเฉพาะในภาคเอกชน (-5%YoY) และภาคครัวเรือน (-4%YoY) เรามองว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหา COVID-19 ก็ย่อมกระทบทางลบต่อการลงทุนภาครัฐซึ่งเป็น Driver สำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยไม่เพียงแต่จะได้รับผลกระทบในด้านความต้องการเท่านั้น แต่ด้านต้นทุนก็ได้รับผลกระทบด้วยตามราคาถ่านหิน ซึ่งใช้ในการผลิตที่ปรับขึ้นต่อเนื่องแล้ว +88%YTD โดยจะเห็นผลลบชัดขึ้นตั้งแต่ 4Q64F เป็นต้นไป ขณะที่คาดว่าจะไม่สามารถปรับเพิ่มราคาขายปูนซีเมนต์ได้เต็มที่ ตามความต้องการที่อ่อนแอและการแข่งขันที่รุนแรงทำให้อัตรากำไรของธุรกิจนี้จะอ่อนตัวลงใน 2H64F
- ธุรกิจเคมิคอลส์: สเปรดอ่อนตัว SCC มองว่าแนวโน้มธุรกิจเคมิคอลส์จะอ่อนตัวลงจากผลกระทบในบาง Sector จาก Covid-19 ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการและด้วยสเปรดผลิตภัณฑ์หลักอ่อนตัวลงตามราคาแนฟทาที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโดยใน 3Q64TD HDPE – แนฟทาลดลงแล้ว -24% QoQ, -15% YoY เป็น $445/ตัน PP – แนฟทาลดลง -22%QoQ, +1%YoY เป็น $548/ตันและ PVC-EDC/C2 ลดลง -32%QoQ, + 5%YoY เป็น $477/ตัน ก็จะทำให้ EBITDA ใน 2H64F ของธุรกิจนี้อ่อนตัวลงหลังจากทำจุดสูงสุดใน 2Q64A
- กำไรครึ่งหลังของปีอ่อนตัวลง หลังจาก SCC ทำกำไร 1H64A ได้น่าประทับใจสูงถึง 3.2 หมื่นลบ. (+96%YoY) โดยหลักจากสเปรดของธุรกิจเคมิคอลส์ที่แข็งแกร่ง ผลงานของ SCGP และการบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เรามองว่ากำไรครึ่งหลังของปีจะอ่อนตัวจากความต้องการที่อ่อนตัวและกำไรของธุรกิจเคมิคอลส์ตามสเปรดที่ลดลง โดยมองว่ามีเพียงธุรกิจของ SCGP ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ขณะที่กำไรปีหน้ายังคงท้าทายจากฐานสูงในปีนี้ และมาร์จิ้นของธุรกิจซีเมนต์ฯ จะได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้น
คำแนะนำ
- ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 466 บ. แม้ valuations ของหุ้น SCC จะน่าสนใจด้วย FY65F P/E เพียง 11x และ D/P เกือบ 4% แต่เรามองว่าปัจจัยขับเคลื่อนหุ้นระยะสั้นจะอ่อนตัวลงตามแนวโน้มธุรกิจที่อ่อนตัว โดยเฉพาะธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างทำให้ในช่วงนี้มองว่าหุ้น SCGP มีความน่าสนใจมากกว่า จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งกว่าเราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” อย่างไรก็ตามหุ้น SCC ก็ยังมีปัจจัยขับเคลื่อนระยะกลางจาก SCG Chemicals ที่มองหาโอกาสการลงทุนใหม่ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างทางการเงินซึ่งหนึ่งในทางเลือกคือการทำ IPO ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในระยะกลาง
ปัจจัยเสี่ยง
- ภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก/ไทยอาจส่งผลต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ รวมถึงความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบหลักจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร