Daily Focus

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยปิดบวกได้ 3.19 จุด ณ สิ้นวันหลังจากตอบรับความกังวลขยาย Lockdown ไปพอสมควรในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตามดัชนียังไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 1,530 จุดได้ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 785 ลบ. และ 870 ลบ. ตามลำดับ (สถาบัน Short Index Futures 5 พันสัญญาส่วนต่างชาติไม่มีนัยยะ)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,515-1,530 จุดจากความกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอหลังตัวเลข PMI จีน และ ISM ของสหรัฐฯในภาคการผลิตเริ่มชะลอตัวจากผลกระทบของการระบาดของ COVID 19 สายพันธุ์ Delta ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงกดดันกลุ่มพลังงานส่วนสถานการณ์ในประเทศยัง จำกัด Upside ของดัชนีจากการขยาย Lockdown ซึ่งกระทบต่อกลุ่ม Domestic Play ต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ต้องติดตามพรุ่งนี้คือการประชุมกนง. ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมหรือไม่ กลยุทธ์จึงยังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และไม่ถูกกระทบจาก COVID-19 และมาตรการคุมเข้ม โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q21-3Q21 ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มการแพทย์กลุ่มขนส่ง (เรือ) กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ส่วนจังหวะอ่อนตัวลงหาแนวรับ 1,500 จุดและ 1,470 จุดยังมองเป็นจังหวะในการแบ่งไม้ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวช่วงปลายปีต่อเนื่องปีหน้า

กลยุทธ์: เก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและงบ 2Q21 โดดเด่น // สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มบริเวณ 1,500 จุดหุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BCPG, EKH, ORI, SONIC, ITA

หุ้นเด่นวันนี้: SMT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท
  • ระยะสั้นกำไร 2Q21 คาดโดดเด่นตามกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง และยังไม่ถูกกระทบจากปัญหา Chip ขาดแคลน ขณะที่บาทอ่อนเป็นปัจจัยหนุนล่าสุดคำสั่งซื้อเห็นยาวจนถึง 4Q21 แล้ว และคลอบคลุม 96% ของเป้ารายได้ทั้งปีเราคาดกำไรปี 2021 +139% Y-Y และ  51% Y-Y ในปี 2022
  • แนวรับ 6.30-6.35 บาทแนวต้าน 6.65 / 7 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคตามคาด US$1,123 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$1,140 ล้าน แต่ยังไหลออกจากเกาหลีใต้บาง ๆ US$57 ล้าน หลังจากไหลออกหนาแน่นในสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินเริ่มพลิกมาไหลเข้าเช่นกัน นำโดยไทย US$26 ล้าน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดมีโอกาสกลับมาไหลออกบางๆ หลังเม็ดเงินเริ่มเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงต่ออย่างพันธบัตรมากขึ้นจาก Bond Yield ที่ร่วง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) หุ้นที่คาดกำไร 2021 โดดเด่น KCE HANA SMT DOHOME EPG SONIC LEO EKH CHG BCH BDMS NER JWD JR TTA IIG TU SAPPE NSL SC SPALI

(+) REIT Focus เดือน ส.ค. 2021 ยังคงเน้นกลยุทธ์ Selective กองทุนที่พื้นฐานระยะยาวแข็งแกร่ง รวมถึงเป็นธุรกิจที่ถูกกระทบจำกัดจากการ Lockdown ที่ลากยาว หลังผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังพุ่ง โดยเฉลี่ยกองทุนที่เลือกจะให้ Dividend Yield 7.6% และมี Yield Gap เทียบกับ Bond กว้างถึง 6% เราแนะนำ AIMIRT, DIF, HREIT, JASIF, FTREIT

(+) GUNKUL คาดกำไร 2Q21 Flat Q-Q, +119%Y-Y จากรายได้ Trading ที่พุ่งขึ้นรวมถึงโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่แข็งแกร่งในไทย และญี่ปุ่นชดเชยโรงไฟฟ้าลมที่เวียดนาม และธุรกิจ EPC ที่ชะลอได้อย่างไรก็ตามเรามีมุมมองบวกต่อการรุกธุรกิจกัญชง และคาดว่าจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานปี 2022 เป็นต้นไป คาดกำไรปี 2021-2022 +118%Y-Y และ +20%Y-Y ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2022 เป็น 5.40 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(0) BANPU เราคาดว่าผลการดำเนินงาน 2H21-2022 จะได้อานิสงส์เชิงบวกจากทั้งราคาก๊าซและถ่านหินที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ระยะยาวจะเน้นลงทุนธุรกิจสีเขียวมากขึ้น ทั้งการขุดโลหะและลิเทียมการขยายของ BPP และธุรกิจนำเข้า LNG ธุรกิจเทคโนโลยีด้านพลังงานและการลงทุนใน US Gas valua Chain เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเหลือ 15.90 บาท สะท้อนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเพิ่มทุนราคาหุ้นสะท้อนความกังวลไปแล้ว ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(0) SISB ลดค่าเทอมสำหรับเทอมแรก (ส.ค.-ธ.ค. 2021) เฉลี่ย 10% เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองและตรึงค่าเทอมตลอดปีการศึกษาใหม่ (ส.ค. 2021- มิ.ย. 2022) อัตราค่าเทอมในปี 2022 สอดล้องกับประมาณการของเราอยู่แล้ว แต่ประมาณการปี 2021 มี Downside เราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังประกาศงบ 2Q21 ซึ่งคาดกำไร -22% Q-Q แต่ก้าวกระโดดจาก 2Q20 ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 12.50 บาท มี Downside จำกัด ยังแนะนำ “ซื้อลงทุน”

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 97.31 จุดหรือ 0.28% ปิดที่ 34,838.16 จุด แม้มีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ แต่ถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา และรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับลงเป็น 59.5 ในเดือนก.ค. ต่ำสุดตั้งแต่เดือนม.ค. โดยต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 60.9 และ 60.6 ในเดือนมิ.ย.

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท ในภาคการเงินและการควบรวมกิจการของบริษัทในยุโรป

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมท่ามกลางติดตามธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเช้านี้

(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบอยู่ที่บริเวณ 32.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.69 ดอลลาร์หรือ 3.6% ปิดที่ 71.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ และจีนปรับลงในเดือน ก.ค. รวมถึงกดดันจากผลสำรวจว่ากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบในเดือนก.ค. 26.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 และเพิ่มขึ้น 610,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนมิ.ย.

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์หรือ 0.28% ปิดที่ 1,822.2 ดอลลาร์/ออนซ์จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,029.71 / -1.75

- Advertisement -