บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
ORIGIN PROPERTY อสังหาฯ แข่งแกร่ง… S-Curve ใหม่รออยู่อีกเพียบ
Action
BUY
TP upside (downside) 19.3%
Close Aug 2, 2021 Price (THB) 8.80
12M Target (THB) 10.50
Previous Target (THB) –
What’s new?
- คาดกาไรสุทธิ 2Q64 เติบโตเด่น QoQ และ YoY อยู่ที่ 868 ลบ.หนุนจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน จำนวน 2 โครงการ
- บริษัทรายงาน Presale 1H64 ที่ 1.6 หมื่นลบ. เติบโตอย่างมีนัยสำคัญกว่า 37%YoY หนุนด้วยโครงการแนวราบที่โตเด่นกว่า 72% 2-Yr. CAGR
- คาดการเข้าลงทุนในธุรกิจใหมทำให้บริษัทมี S-Curve ท่ียังไม่รวมในประมาณการอีกเป็นจำนวนมาก
Our View
- เราประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ท่ี 2.9 พันลบ.(+15.1%YoY) และ 3.5 พันลบ.(+22.4%YoY) ตามลำดับ ขณะท่ี Backlog รอโอนกรรมสิทธ์ิในระดับสูงคิดเป็น Secured revenue จากประมาณการรายได้ทั้งปี 2564 ของเราแล้วกว่า 85%
- เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 10.50 บาท/หุ้น อิง PER 2564 ที่ 8.1x เทียบเท่ากับ ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัท
- ปัจจัยบวกระยะสั้นคาดเงินปันผลงวด 1H64 ท่ี 0.23 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield ที่2.6%
คาดกำไรสุทธิเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากการตั้งบริษัทร่วมทุน 2 โครงการ
เราคาดกำไรสุทธิ 2964 ที่ 868 ลบ. (+5.2%QoQ, +22.8%YoY) เติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แม้คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลง 12%QoQ และ 1%YoY อยู่ที่ 3.0 พันลบ. จากการมีโครงการแนวสูงที่เป็น non-JV เสร็จใหม่เพียง 1 โครงการคือ The Origin Ratchada-Ladprao (โครงการ Low-rise มูลค่า 750 ลบ.) เป็นผลให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 37.9% ลดลง 134bpsQoQ และทำได้เพียงทรงตัว YoY จากสัดส่วนการโอนโครงการแนวราบที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยหลักหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วง 2Q64 คือกำไรพิเศษจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนจำนวน 2 โครงการ (Share premium) คาดที่ 215 ลบ. ซึ่งคาดส่งผลให้รายได้จากค่าบริหารโครงการให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 74%QoQ และ 150%YoY เป็น 320 ลบ.
Presale 2Q64 ทำสุดสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส … แนวราบยังเป็นแรงหนุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ล่าสุด บริษัทรายงานยอด Presale 2Q64 ที่ราว 8.0 พันลบ. (+4.5%QoQ, +22.0% YoY) ทำให้ Presale 1H64 อยู่ที่ 1.6 หมื่นลบ. เติบโตอย่างมีนัยสำคัญกว่า 37%YoY และคิดเป็น 54% ของเป้าหมายทั้งปี 2564 ของบริษัทที่ 2.9 หมื่นลบ. โดย Presale 1H64 แบ่งเป็นแนวสูงที่ 1.2 หมื่นลบ. (+49%YoY) จากการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในช่วง 1H63 และแนวราบที่ 4.1 พันลบ. (+13%YoY) แม้เป็นอัตราการเติบโต YoY ที่ต่ำกว่าโครงการแนวสูง แต่หากเทียบอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีตั้งแต่ช่วง 1H62-1H64 (2 Yr. CAGR) จะสูงถึง 72% สอดคล้องกับเป้าหมายการขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจแนวราบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2Q64 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 3 โครงการแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการคือ Hampton Sriracha มูลค่า 1.4 พันลบ. (ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2564 ทำยอดขายได้แล้วกว่า 80%) และโครงการแนวราบ 2 โครงการรวมมูลค่า 2.7 พันลบ. เป็นผลให้ 1H64 มียอดการเปิดตัวโครงการใหม่สะสมจำนวน 6 โครงการรวมมูลค่า 7.9 พันลบ. สำหรับแนวโน้ม Presale ในช่วงที่ 2H64 เบื้องต้นเราคาดทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อย HoH ที่ราว 1.6 หมื่นลบ. แม้คาดได้รับแรงหนุนจากแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 1.2 หมื่นลบ. (+53%HoH) แต่ผลกระทบของการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 3 และมาตรการล็อคดาวน์คาดเป็นปัจจัยกดดันยอดขายโดยเฉพาะในช่วง 3Q64
แนวโน้มผลประกอบการ 2H64 ยังเด่น HoH… ปี 2565 มี Backlog รอโอนหนาแน่น
ณ สิ้น 1Q64 บริษัท มี Backlog ทั้งสิ้น 3.5 หมื่นลบ. แบ่งเป็นโครงการ non-JV และ JV ที่ 1.1 หมื่นลบ. และ 2.3 หมื่นลบ. ตามลำดับ คาดรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีที่ 1.2 หมื่นลบ. (non-JV 7.5 พันลบ. และ JV 4.0 พันลบ.) หลักๆ มาจากโครงการแนวสูง non-JV ที่จะแล้วเสร็จพร้อมโอน ได้แก่ The Origin Ratchada-Ladprao (มูลค่า 750 ลบ.) และ Park Origin Phayathai (มูลค่า 4.6 พันลบ.) รวมถึงการโอนโครงการ JV ที่แล้วเสร็จต่อเนื่องจากปี 2563 สำหรับคาดการณ์การเติบโตของกำไรในปี 2565 จะมาจากการรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ JV เป็นหลัก (ปัจจุบันมี Backlog ที่คาดรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 ที่ราว 1.7 หมื่นลบ. แบ่งเป็นโครงการ non-JV และ JV ที่ 3.0 พันลบ. และ 1.4 หมื่นลบ. ตามลำดับ) ยอด Backlog JV ที่หนาแน่นเป็นผลให้เราคาดส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าในปี 2555 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญกว่า 157% YoY เป็น 1.2 พันลบ. (คาดส่วนแบ่งกำไรปี 2564 ที่ 465 ลบ.) สำหรับ Backlog ของโครงการ non-JV ที่ปัจจุบันมีอยู่เพียงราว 3.0 พันลบ. เราคาดบริษัทจะเน้นกลยุทธ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ประเภทแนวราบและคอนโด Low-rise เพื่อหนุนการเติบโตและลดความผันผวนของรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวสูง
มี New S-Curve จากหลายธุรกิจที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้ประกาศเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ไม่เพียงมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง แต่เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในการบูรณาการในแนวตั้งและแนวนอนผ่านธุรกิจใหม่ของบริษัท แบ่งได้เป็น 4 หมวดหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจ Logistics Center พัฒนาโครงการโลจิสติกส์ร่วมกับ JWD 2) ธุรกิจให้บริการทางด้านสุขภาพและเสริมความงาม (Origin Healthcare) 3) ธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) และ 4) ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน/พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกับ GUNKUL แม้ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของแผนการดำเนินงาน และโครงสร้างรายได้ของแต่ละหน่วยธุรกิจ จึงยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ แต่การจับมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญในสายธุรกิจต่างๆ คาดเป็นการต่อยอดธุรกิจหลักไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ของบริษัท ไปจนถึงการลดต้นทุนในระยะกลาง-ยาว
เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 10.50 บาท/หุ้นเราคาดกำไรปกติปี 2564 และ 2565 ที่ 2.9 พันลบ. (+15.1%YoY) และ 3.5 พันลบ. (+22.4%YoY) ตามลำดับ จาก Backlog รอโอนกรรมสิทธิ์ในระดับที่สูง โดยเฉพาะปี 2564 ที่ปัจจุบันคิดเป็น Secured revenue จากประมาณการรายได้ทั้งปีของเราแล้วกว่า 85%
เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 ที่ 10.50 บาท/หุ้น (อิง PER1H65 ที่ 8.1x เทียบเท่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 8.0x) พร้อมคาดเงินปันผลงวด 1H64 ที่ 0.23 บาท/หุ้นคิดเป็น Dividend yield 2.6% ช่วยจำกัด Downside risk ระยะสั้น
แม้เราคาดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ปัจจุบันยังเป็นปัจจัยหลักกดดันอัตราดูดซับอุปทานโครงการแนวสูง ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของรายได้ของบริษัท แต่ Backlog ที่อยู่ในระดับสูง คาดเป็นประเด็นสำคัญช่วยลดความเสี่ยงของประมาณการ ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายบน PER1H65 ที่เพียง 6.8x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บริษัท ยังมี Upside risk จากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่และการ Spin-off บริษัทย่อยคือบมจ. บริทาเนีย (BRI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์