บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

THAI UNION ได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาท … ปรับประมาณการขึ้น

Action

TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +11.1%

Close Aug 2, 2021 Price (THB) 22.50

12M Target (THB) 25.00

Previous Target (THB) 21.00

What’s new?

  • มีความมั่นใจมากขึ้นต่อการเติบโตของผลประกอบการของ TU ในปี 2565 จากธุรกิจ Frozen และ Pet care & Value added และมีปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทเทียบยูโร และดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง
  • ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 8.7% เป็น 7.4 พันลบ.

Our View

  • เรามีมุมมองบวกต่อผลดำเนินการในระยะยาวของ TU คาดแนวโน้ม 3Q64 จะยังทรงตัวได้ YoY แม้มีฐานท่ีสูงในปี 2564 ขณะท่ีปี 2565 เติบโตได้ต่อจากกลุ่มธุรกิจ Value-added และส่วนแบ่งกำไรจาก RL ฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้น
  • ผลของการปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ท่ี 25.00 บาท เหลือ Upside gain เพียง 11.1% จึงคงคำแนะนำ TRADING

แนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการใน 2H64

เราคาดแนวโน้มกำไรปกติ 3Q64 ของ TU ที่ 1,900 +/- ลบ. มีโอกาสทรงตัว YoY ได้แม้มีฐานสูง จากการได้อานิสงส์ของค่าเงินบาทเทียบยูโรและบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง YoY ประกอบกับธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (Frozen) ยังเป็นทิศทางขาขึ้น จากการกลับมาเปิดร้านของธุรกิจ Food service ในสหรัฐฯและยุโรปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้ามูลค่าเพิ่มจะยังเติบโตต่อเนื่องตามอุปสงค์ที่มากขึ้น และการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ Red Lobster จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อหลังจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ทำให้ต้นทุนลดลงและประสิทธิภาพการทำกำไรสูงขึ้น และการฟื้นตัวของยอดขายจากการเปิดร้านที่กลับเข้าใกล้ระดับปกติมากขึ้น เป็นปัจจัยหนุนต่อส่วนแบ่งขาดทุนที่คาดจะขาดทุนน้อยลง โดยเราประเมินว่าแนวโน้มของค่าเงินบาทที่อ่อนค่ารวมถึงการเติบโตในธุรกิจ Frozen และ Pet care จะมีทิศทางต่อเนื่องถึง 4Q64 เป็นอย่างน้อย ทำให้กำไรใน 4Q64 อาจจะไม่ชะลอลง YoY ตามเดิมที่คาดไว้ และมีโอกาสที่กำไรปี 2564 จะมากกว่าประมาณการของเรา

มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นกับปี 2565 และปรับประมาณการกำไรขึ้น

เราคงประมาณการกำไรของ TU ในปี 2564 ที่ 6.6 พันลบ. (+ 3.7% YoY) แต่ปรับประมาณการรายได้ปี 2565 ขึ้น 2.4% เป็น 142,634 ลบ., ปรับสมมติฐานค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯเป็น 32 บาท / USD จากเดิมที่ 31 บาท / USD, GPM ขึ้นเป็น 17.4% จากเดิมที่ 17.2% และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมขึ้นเป็น 320 ลบ. จากเดิมที่ 300 ลบ. ส่งผลให้ประมาณการกำไรปกติปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิม 8.7% เป็น 7.4 พันลบ. (+12.5%YoY) โดยมีธุรกิจอาหารกระป๋อง (Ambient) ยังเป็นฐานรายได้หลักที่แข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจอาหารแช่เย็น แช่แข็งจะกลับมาเติบโตแรงในปี 2565 ธุรกิจอาหารสัตว์และสินค้ามูลค่าเพิ่ม (Pet care & Value-added) เป็น Key Growth Driver หลักที่จะหนุนทั้งรายได้และ GPM ของ TU ให้สูงขึ้นอีกอย่างน้อย 3-5 ปีต่อจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster คาดฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565 จากการกลับมาใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้นในสหรัฐฯ

ปรับราคาเป้าหมายขึ้น คงคำแนะนำ Trading

ผลของการปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น เทียบเท่า EPS ปี 2565 ที่ 1.56 บาท เราปรับมาใช้ PER ที่ 16 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม จากเดิมท่ี 15 เท่า หลังมีความมั่นใจมากขึ้นต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565 ของ TU ที่จะมีการเติบโตต่อเนื่อง และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ท่ี 25.00 บาท แต่ด้วยเหลือ Upside gain จากราคาตลาดปัจจุบันอยู่เพียง 11.1% จึง ยังคงคำแนะนำ TRADING

 

- Advertisement -