บ.บัวหลวง:

ADVANC – กำไรเป็นไปตามคาด; ปรับลดเป้ารายได้บริการและ EBITDA ปี 2564 ลงจาเดิม

Recommend : คำแนะนำพื้นฐาน: ซื้อ

เป้าหมายพื้นฐาน: 225.00 บาท

ราคา (3/8/64): 177.00 บาท

ตรงตามที่คาดก่อนหน้า

ADVANC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ 7.04 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 6% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาสนี้ ซึ่งได้แก่ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 157 ล้านบาท ผลประโยชน์ด้านภาษีจากเงินลงทุน 349 ล้านบาท และรายได้พิเศษอื่นๆ 400 ล้านบาท (หลังหักภาษี) กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 6.45 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%YoY แต่ลดลง 1%QoQ กำไรสุทธิและกำไรหลักถือว่าเป็นไปตามคาดก่อนหน้า ในขณะที่รายได้บริการเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ และรายได้บริการหลัก (ที่ไม่รวมไอซี) เป็นไปตามที่เราประมาณการก่อนหน้าเช่นกัน เราเห็นรายได้บริการหลักที่ทรงตัว และจำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์บ้าน รวมถึงรายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง กำไรขั้นต้น EBITDA และกำไรหลังหักภาษีถือว่าตรงตามที่เราคาดก่อนหน้า

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

กำไรหลักที่เติบโตเล็กน้อย YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และการบริหารทั่วไปที่ลดลงอย่างมากลบต้นทุนค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น (จากการเริ่มรับรู้ค่าตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิร์ซ) และรายได้บริการที่ทรงตัว รายได้บริการเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสนี้ลดลง 1.5%YoY และ 0.9%QoQ ซึ่งถือว่าติดลบน้อยกว่าที่ลดลง 3.2%YoY ในไตรมาส 1/64 และยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกสามส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคอ่อนตัวลง

ถึงแม้ว่ารายได้บริการเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงในไตรมาสนี้ แต่รายได้บริการรวมในไตรมาสนี้ยังคงสามารถรักษาระดับทรงตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ ไว้ได้ (เทียบกับที่ลดลง 2%YoY ในไตรมาส 1/64) เนื่องจากรายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านและรายได้จากลูกค้าองค์กรที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง กลบรายได้บริการเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลดลง รายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 6% QoQ จากจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้านรายใหม่สุทธิที่ 1.04 แสนราย ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้านสะสมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.54 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2/64 (เพิ่มขึ้น 28%YoY และ 7%QoQ) รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจบรอดแบนด์บ้านในไตรมาสนี้อยู่ที่ 458 บาท ลดลง 6%YoY และ 1%QoQ (เนื่องจากแพ็คเก็จราคาต่ำที่ยังคงอยู่ในตลาด) บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากต้นทุนบริการโดยรวมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 3%YoY ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสนี้ลดลงมากถึง 15%YoY ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานทั่วไปลดลง 23%YoY และ 11%YoY ตามลำดับ

แนวโน้ม

บริษัท ทำการปรับลดเป้าผลการดำเนินงานสำหรับปี 2564 ลงจากเดิมซึ่ง ได้แก่ รายได้บริการหลักปรับลดลงจาก “เติบโต 1-3% YoY ” เหลือเพียงแค่ “ทรงตัวจนถึงลดลงเล็กน้อย YoY” และ EBITDA ปรับลดลงจาก “เติบโต 1-3% YoY” เหลือเพียงแค่ “ทรงตัว” เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกที่สามซึ่งส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ในหลายจังหวัดเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชนให้อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รายได้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านและรายได้จากลูกค้าองค์กรยังคงมีแนวโน้มเติบโตในระดับดีท่ีอัตราตัวเลขสองหลักสำหรับในปี 2564 โดยมีปัจจัยหนุนจากดีมานด์ท่ีเพิ่มขึ้น จากการทำงานจากท่ีบ้าน (WFH) ที่เพิ่มขึ้น และการนำเสนอโซลูชั่นและโครงสร้างระบบพื้นฐานไอซีทีท่ีมากขึ้นภายใต้ภาวะการณ์ท่ีเป็นนิวนอร์มอล และถ้าอ้างอิงกับเป้ารายได้บริการใหม่ของบริษัทที่ทรงตัวจนถึงลดลงเล็กน้อย YoY เราคาดรายได้บริการสำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 มีแนวโน้มทรงตัว YoY เราคาด กำไรหลักไตรมาส 3/64 ที่ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มข้ึน 2%YoY และ 1%QoQ

ส่ิงที่เปลี่ยนแปลงไป

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลงอีก 5% (เหลือ 2.67 หมื่นล้านบาท) และประมาณกำไรหลักปี 2564 ลงอีก 5% (เหลือ 2.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อสะท้อนการคาดการณ์กำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ที่ลดลงจากเดิมซึ่งสอดคล้องไปกับเป้าหมายใหม่ของบริษัท เราปรับประมาณการรายได้บริการหลัก (ที่ไม่รวม ไอซี) สำหรับในปี 2564 ลงอีก 3.3% (เหลือ 1.28 แสนล้านบาท) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายใหม่ของบริษัทที่ทรงตัวจนถึงติดลบเล็กน้อย YoY (ซึ่งประมาณการใหม่ของเราบ่งบอกว่ารายได้บริการในปี 2564 คาดว่าจะลดลง 0.6%YoY) ส่งผลให้ราคาเป้าหมายของเราซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ปรับลดลงอีก 3% (เหลือ 225 บาท)

คำแนะนำ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากเหตุผลของรายได้บริการและกำไรที่จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 หนุนโดยการกระจายวัคซีนในวงกว้างมากขึ้น ความเป็นผู้นำด้าน 5 จีในปี 2564 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับดีที่ 4%

- Advertisement -