บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง :
กำไรหลักทรงตัว หนุนโดยไซยะบุรี + รายการพิเศษ
NPAT งวด 2Q64 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (15% QoQ 20% YoY) ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก คิดเป็น 53% ของประมาณการปี 64 ของเรา กำไร 2Q64 ที่เพิ่มขึ้นมาจากส่วนแบ่งกำไร 371 ล้านบาทจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีจากฝนตกหนักและเงินชดเชยจากค่าประกันโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงานระยะที่ 5 ที่ 310 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP
ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 30% เทียบกับ 32% ในไตรมาส 1/64 ขณะที่ NPAT เพิ่มขึ้นเป็น 15% เทียบกับ 14% คงคำแนะนำ ซื้อ คงราคาเป้าหมายที่ 102 บาท (WACC 8.3%, การเติบโตระยะยาว 2.5%)
โรงไฟฟ้า IPP กำไรเพิ่มขึ้น แต่ SPP ลดลง
การส่งไฟฟ้าทั้งหมดของ IPP ลดลง 6% QoQ + 4% YoY กำไรขั้นต้น 2Q64 เพิ่มขึ้น 33% QoQ เป็น 1.4 พันล้านบาทจาก AP ที่สูงขึ้น (76% เทียบกับ 59%) จาก GHECO-One (ซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในไตรมาส 1/64) และโรงงาน GIPP (100% เทียบกับ 76%) GHECO ยังคงมีการหยุดทำงาน 20 วันในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ กำไรขั้นต้นของ SPP ลดลง 6% QoQ เป็น 4 พันล้านบาท
แม้ว่าปริมาณการส่งไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 12% เนื่องจากมาร์จิ้นลดลง (28% เทียบกับ 34% ในไตรมาส 1/64) ปริมาณ IU ยังคงดีอยู่แม้ว่าโควิดจะกลับมาระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย พอร์ตโฟลิโอ IU ของ GPSC ส่วนใหญ่มาจากบริษัทในกลุ่มปิโตรเคมีซึ่งมีอัตราการดำเนินการเต็มอัตราในไตรมาส 2/64 ค่าซ่อมบำรุง SPP เพิ่มขึ้น 337 ล้านบาท เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนของ Glow Energy CFB3 (17 วัน) และค่าธรรมเนียมสัญญาบริการระยะยาว (TSA) ของ Glow Energy ระยะที่ 5
3Q64 – มาร์จิ้น SPP กดดัน ไซยะบุรีปัจจัยหนุนหลัก
ผลการดำเนินงานของ SPP ในไตรมาส 3/64 คาดว่าจะอ่อนตัวต่อเนื่องจากแรงกดดันด้านอัตรากำไรขั้นต้นอย่างต่อเนื่องและการจ่ายไฟที่ลดลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในโรงงานเคมี ราคาก๊าซในไตรมาส 3/64 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2-3% เป็น 267 บาท/mmbtu ขณะที่ถ่านหิน (พอร์ต 7%) คาดว่าจะคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คาดว่า ERC จะคงอัตราค่า Ft ไว้ที่ -15.32 สต. ในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าโรงงานเคมี (PTTGC และ IRPC) จะหยุดซ่อมบำรุง แต่อาจมีการเลื่อนกำหนดไปในปีหน้า
ทั้งนี้ กำไรจากไซยะบุรีจะเป็นปัจจัยหนุนหลักในไตรมาส 3/64 เนื่องจากเป็นช่วงพีคของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ขณะที่โรงไฟฟ้า WTE ที่ระยอง (9.8MW) COD ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 และผลประกอบการทั้งหมดจะรับรู้ในไตรมาส 3/64
การลงทุนใน Avaada สะท้อนในไตรมาส 3 เป็นต้นไป
การลงทุนใน Avaada เสร็จสมบูรณ์ (พลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย – ดำเนินการ 1.4GW, 2.3GW อยู่ระหว่างการพัฒนา, COD 64-65) ส่วนแบ่งรายได้จะสะท้อนให้เร็วที่สุดใน 3Q64 ส่วนแบ่งกำไรปกติทั้งปีจาก Avaada ไปยัง GPSC คาดว่าจะอยู่ที่ 800-900 ล้านบาท (ดอกเบี้ยสุทธิ) สำหรับครึ่งปีหลัง เราประเมินที่ 300 ล้านบาท