รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รุกฆาตตลาดหุ้น
Trading Range
แกว่งตัวออกข้าง 1515-1535
PICKS OF THE DAY
TVO : BUY
• คาดกำไร 2Q64 ยังดี : แนวโน้มกำไร 2Q64 ย่อลง q-q จากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับดีจากส่วนต่างราคาขายที่สูงกลุ่มกากถั่วเหลือง ส่วนกลุ่มน้ำมันคาดการแข่งขันด้านราคากับปาล์มไม่มากจากราคาปาล์มที่สูงเช่นกันทำให้แนวโน้มกำไรดีขึ้น
• คาดผลตอบแทนเงินปันผล 5% : การดำเนินงานครึ่งปีแรกคาดเงินปันผล 1.50-1.65 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลราว 5% โดย TVO เป็นหุ้นตัวหนึ่งในตลาดที่จ่ายเงินปันผลสม่าเสมอ
LPN : BUY
• กำไรอ่อนลงต่อเนื่อง : COVID-19 ส่งผลลบต่อการขาย และแผนพัฒนาโครงการ ทำให้ บ. ลดเป้าโอน 30% ขณะที่การขายที่ผ่านมาอ่อนแอ และมีท่าทีจะอ่อนลงอีกใน 2H64 ทำให้เป้าโอนมีโอกาสถูกปรับลดลงอีก แนวโน้มกำไรยังเป็นขาลง
• เปลี่ยนตัวลงทุน : แนวโน้มปีนี้ไม่ดีและปีหน้ายังไม่ชัดเจน ราคาหุ้นแพงจาก P/E 12 เท่า แพงกว่ากลุ่มที่เฉลี่ย 8 เท่า
ตลาดหุ้นวันนี้
• แกว่งตัวออกข้าง : ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1515-1535 จุด จากความเสี่ยงภายในประเทศที่ยังคงไม่พ้นการระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงต่อเนื่อง ส่วนประเด็นการเมืองที่เข้ามากดดันในช่วงสุดสัปดาห์ทางฝ่ายมองว่าตลาดตอบรับไปแล้วและเหตุการณ์ไม่ได้บานปลายอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
ส่วนปัจจัยภายนอกรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค. 64 และแผนการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของสหรัฐโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ จากปัจจุบันที่ยังห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ ยุโรป จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่รับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า หุ้นปลอดภัยและหุ้นปันผลสูง รวมถึงกลุ่มที่คาดว่าครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ต่อเนื่อง
• ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐดีเกินคาด : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.ค. 64 ออกมาสูงถึง 943,000 ตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 870,000 ตาแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเดือน ก.ค. 64 ลดลงมาที่ระดับ 5.4% ดีกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 5.7%
สะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของสหรัฐจากวิกฤต COVID-19 ซึ่งตัวเลขการจ้างงานครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของ Fed ในที่ประชุมใหญ่เมือง Jackson Hole ในช่วงปลายเดือน ที่คาดว่านายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed น่าจะส่งสัญญาณการทา QE Tapering ออกมาครั้งแรกและประกาศอย่างเป็นทางการในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. 64
โดยตลาดคาดจะเริ่มต้นเดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง มิ.ย. 65 ก่อนที่จะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงสิ้นปี 65 หรือต้นปี 66
• เงินบาทไทยอ่อนหนัก : เงินบาทไทยยังเดินหน้าอ่อนค่าต่อเนื่องที่สุดในรอบ 3 ปี หรือราว 11% นับตั้งแต่ต้นปี โดยเช้านี้แตะระดับ 33.41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนแนวโน้ม Fund Flow ไหลออกจากหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 1 แสนล้านบาทในปีนี้
การท่องเที่ยวที่ชะงักและการระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงยืดเยื้อจนต้องใช้มาตรการ Lockdown ทาให้ความต้องการเงินบาทลดลงและเศรษฐกิจไทยเสี่ยงเกิดภาวะ Double-dip Recession โดยคาดว่าไตรมาสที่ 3 จะเป็นจุดต่าสุดของปีนี้ ซึ่งต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ และการกระจายวัคซีนอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ แม้ภาคการส่งออกจะยังคงเป็นแรงหนุนหลักของเศรษฐกิจในช่วงนี้ แต่หากการควบคุมสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปถึงขั้นปิดโรงงานการผลิตการส่งออกก็อาจชะงักลงได้
• ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ :
1) MSCI Quarterly Index Review 11 ส.ค. 64 ตลาดคาดปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยลงอีก
2) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ Core CPI เดือน ก.ค. 64 ที่คาดว่าจะออกมาขยายตัว 0.4% m-m ลดลงจากเดือนที่แล้วที่ 0.9% และ
3) รายงานประจำเดือนของ OPEC 12 ส.ค. 64