รับธุรกิจคอนเทนต์สุดแกร่ง หนุนกำไรสุทธิครึ่งปีแรกทำได้ 172 ล้านบาท
‘บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ มองครี่งปีหลังกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ ฟอร์มยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง พร้อมเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้จากธุรกิจคอมเมิร์ช ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวม 457.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.6 ล้านบาท ลดลงเหตุค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริการเพิ่มขึ้น จากการดำเนินงานช่อง JKN18 ที่อยู่ในช่วงลงทุน และรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปีนี้ ทำได้ 160 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีเติบโตได้ 10-15% ตามแผน
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของปีนี้มั่นใจว่าสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในครึ่งปีหลังจะเป็นหัวหอกที่ผลักดันการเติบโต ด้วยจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์แบบ Output Deal ทำให้ JKN สามารถนำเสนอคอนเทนต์แบรนด์ดังระดับโลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้ชมชาวไทยและในภูมิภาคอาเซียนในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิทัลและออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ด้วยแผนงาน JKN ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ช หลังเข้าซื้อและบริหารสถานีทีวีดิจิทัลช่อง JKN18 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือด้านการตลาดและสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ในฐานกลุ่มผู้ชม รวมถึงเป็นช่องทางการขายสินค้าโดยตรงให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพอใจ แม้จะเผชิญปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่อาจส่งผลต่อบรรยากาศการจับจ่ายและซื้อสินค้าบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาว ธุรกิจคอมเมิร์ชจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่ผลักดันการเติบโตได้ดี และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะนำ JKN ก้าวสู่ Content Commerce Company อย่างเต็มตัวด้วยเป้าหมายยอดขาย 5,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 (เมษายน-มิถุนายน 2564) บริษัทฯ มีรายได้รวม 457.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.6 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ เป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ทำรายได้และกำไรสุทธิให้แก่ผลงานในไตรมาสนี้ เป็นความสำเร็จจากการจำหน่ายคอนเทนต์ให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่ทยอยส่งมอบได้ต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 51% จากเดิม 44% อีกด้วย โดย ณ สิ้นสุดไตรมาส 2/2564 JKN ยังมี Backlog รอส่งมอบคอนเทนต์ให้แก่ลูกค้าอีกกว่า 786 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนยุทธศาสตร์ของ JKN ที่มุ่งขยายธุรกิจคอมเมิร์ช โดยเข้าไปซื้อและบริหารทีวีดิจิทัล JKN18 ซึ่งอยู่ในช่วงลงทุนเริ่มต้นดำเนินงาน จึงมีค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริหารเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2564) มีกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม ทำได้ 900 ล้านบาท
“เรายังคงเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ 10-15% ตามแผนที่วางไว้ แม้จะมีปัจจัยลบจาก COVID-19 และทำให้มีการล็อกดาวน์ในช่วงนี้ แต่ด้วยลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่หลากหลายของ JKN จึงยังสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าที่มีความต้องการซื้อคอนเทนต์ เพื่อนำไปออกอากาศอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศซึ่งเป็น Blue Ocean ของ JKN ที่ยังมีโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ และมีฐานลูกค้าได้เพิ่มเติมอีกด้วย” คุณแอน-จักรพงษ์ กล่าว