บล.ฟิลลิป:

ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า – STANLY คาดผลกระทบจำกัดจาก COVID-19 และ Chipset ขาดแคลน

ผลดำเนินงาน 1Q65 พลิกเป็นกำไร ฟื้นตัวสอดรับกับอุตสาหกรรมยานยนต์

STANLY ประกาศผลดำเนินงาน 1Q65 สิ้นสุดเดือน มิ.ย. 64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 383 ลบ. พลิกจาก 1Q64 ที่รายงานผลขาดทุนสุทธิที่ 184 ลบ. ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ สะท้อนจากยอดผลิตรถยนต์เดือน เม.ย.-มิ.ย. 64 ที่เพิ่มขึ้นแตะ 378,768 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ผลิตได้แค่เพียง 152,450 คัน หนุนรายได้การขายและให้บริการโต 87.3% y-y เป็น 3,219 ล้านบาท, ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 255.8% y-y เป็น 72 ล้านบาทตลอดจน GPM ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.3% เทียบกับ 1Q64 ที่ -4.3% แต่ถูกหักล้างบางส่วนด้วยค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น 50.3% y-y ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของยอดขาย ขณะที่หากเปรียบเทียบกับ 4Q64 พบว่ากำไรสุทธิลดลง 31.6% q-q ผลจากฤดูกาลที่มีจำนวนวันทำงานน้อยในเดือน เม.ย.-มิ.ย. 64 กดดันรายได้การขายและให้บริการลดลง 16.0% q-q, ส่วนแบ่งกำไรฯ ลดลง 5.3% q-q รวมถึง GPM ที่ลดลงจาก 23.8% ใน 4Q64 มาอยู่ที่ 19.3%

ปัญหา COVID-19 และ Chipset ขาดแคลนคาดส่งผลกระทบจำกัดจากการเลื่อนส่งสินค้า

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ล่าสุดที่เริ่มเห็นการกระจายตัวในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาจทำให้เกิดความกังวลด้าน Supply Chain ที่มีโอกาสหยุดชะงักลงได้ หากสายการผลิตพบผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยัง STANLY พบว่าสถานการณ์โดยรวมภายในบริษัทยังปกติ ถึงแม้จะพบพนักงานติดเชื้อจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับจำนวนพนักงานทั้งหมดในบริษัท ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยและยังสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ หลังมีหน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดเข้าให้การช่วยเหลือ ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อไม่ได้เกิดสะดุดจากทางฝั่งบริษัท หลังสามารถบริหารและจัดการสับเปลี่ยนพนักงานในการดูแลสายการผลิตได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นผลจากการที่ลูกค้าไม่สามารถนำไปผลิตต่อได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เช่นกัน จึงเกิดการเลื่อนส่งสินค้าเช่นเดียวกับปัญหาการขาดแคลน Chipset ที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ทางฝ่ายจึงมองผลกระทบช่วงสั้นคาดจำกัด หลังยังมีแรงหนุนจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สดใส และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้กับภาคการส่งออกของไทย โดยล่าสุด ส.อ.ท. เพิ่มเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ปี 64 เป็น 1.55-1.60 ล้านคัน จากเดิม 1.5 ล้านคัน หลังตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ 6 เดือนแรกเติบโตสูงถึง 39.3% y-y แตะระดับ 844,601 คัน

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 65 ที่ 198.00 บาท

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 65 สิ้นสุดเดือน มี.ค. 65 คาดแตะ 1,419 ล้านบาทโต 33.7% y-y (กำไร 1Q65 คิดเป็น 27% ของประมาณการปี 65) และคงราคาพื้นฐานปี 65 ที่ 198.00 บาท เทียบเท่าค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 3 ปี +0.75 SD. ซึ่งยังมี Upside จากราคาหุ้นปัจจุบันอีกมาก ทั้งนี้ทางฝ่ายยังมอง STANLY เป็นบริษัท ที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และเป็นผู้เล่นที่คาดได้รับอานิสงส์บวกทุกยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์

- Advertisement -