บล.เอเชียเวลท์:

บมจ. ไทยออยล์ (TOP)  ค่าการกลั่นอ่อนตัว กระทบกำไรสุทธิ 2Q64 อ่อนตัว 

  • รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY หลังรับรู้ Stock gain ลดลง
  • ธุรกิจการกลั่นยังอ่อนแอ หลังค่าการกลั่น และกำลังกลั่นลดลง
  • ธุรกิจปิโตรเคมี 2Q64 ยังแข็งแกร่ง จำกัด Downside ของกำไรสุทธิ
  • แนวโน้ม 3Q64 ยังมี 3 ปัจจัยเสี่ยงกดดัน (1) Stock gain ลดลง (2)
    Crude Premium ปรับเพิ่ม และ (3) Margin ของปิโตรเคมีเริ่มปรับลง
  • ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หลังราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงไปพอสมควร

ธุรกิจหลักยังอ่อนแอและรับรู้ Stock Gain ที่ลดลง 

บริษัท รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 2,123 ล้านบาทลดลง 37%QoQ และลดลง 14%YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก (1) ค่าการกลั่นและอัตราการกลั่นที่ลดลงจากลกระทบของ Crude Premium ที่เพิ่มขึ้นรวมไปถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังเป็นปัจจัยจำกัด การฟื้นตัวของ Demand น้ำมันในประเทศและ (2) การรับรู้ Stock Gain ที่ลดลงหลังราคาน้ำมันปรับเพิ่มในอัตราที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีทั้งธุรกิจอะโรเมติกส์ (รวม LAB) และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยจำกัดการลดลงของผลประกอบการ 2Q64 

ธุรกิจปิโตรเคมีแข็งแกร่ง แต่ถูกลดทอนด้วยค่าการกลั่นที่อ่อนแอ 

บริษัท รายงาน Market GIM อยู่ที่ 5.2 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 2.9 เหรียญและ 4.1 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วง 2Q63 และ 1Q64 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของ Margin ในธุรกิจปิโตรเคมีทั้งธุรกิจอะโรเมติกส์ (รวม LAB) และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นโดย (1) Margin (P2F) ของปีธุรกิจอะโรเมติกส์อยู่ที่ 112 เหรียญต่อตันเพิ่มขึ้น 6% QoQ และเพิ่มขึ้น 45% YoY เป็นผลมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์หลักที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Downstream ได้แก่ PET Polyester และ SM ทำให้ส่วนต่างราคาพาราไซลีนและเบนซีนปรับเพิ่ม (2) ธุรกิจ LAB มี Margin (P2F) อยู่ที่ 35 เหรียญต่อตันเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY รวมไปถึงกำลังผลิตที่สูงถึง 117% หลังไม่มีหยุดซ่อมเหมือน 1Q64 ที่ผ่านมาและ (3) ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นมี Margin (PDF) อยู่ที่ 231 เหรียญเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอดด้วยธุรกิจการกลั่นที่ลดลง โดยบริษัทรายงานกำลังกลั่นอยู่ที่ 98% ทรงตัว YoY แต่ลดลงเมื่อเทียบกับ 104% ใน 1Q64 จากผลของความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ลดลงจากผลของมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ค่าการกลั่นยังคงอ่อนแอแม้  Product Spread จะปรับเพิ่มในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ แต่ถูกกดดันจากต้นทุนน้ำมันเข้ากลั่นที่เพิ่มขึ้นจาก Crude Premium ที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทยังมีสัดส่วนการใช้น้ำมันจากตะวันออกกลางมากถึง 53%

แนวโน้ม 3Q64 ยังมีความเสี่ยงลดลง QoQ 

แนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 มี 3 ปัจจัยเสี่ยงกดดัน (1) Product Spread ที่เริ่มปรับลดลงโดยเฉพาะน้ำมันเบนซีนใน 3Q64QTD เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลงจาก 9.9 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Middle Distillate ยังทรงตัว QoQ นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ยังคงอ่อนแอต่อเนื่องจาก 2Q64 ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะยังคงใช้อัตรากลั่นในระดับต่ำต่อเนื่องจาก 2Q64 ที่ผ่านมา (2) ธุรกิจปิโตรเคมีเราคาดว่ามีโอกาสอ่อนตัวหลัง Demand กลุ่ม Downstream ที่เริ่มเข้าสู่ Low Season ขณะที่ Margin ของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น 3Q64QTD ลดลง 6% QoQ เป็นการทยอยปรับลดลงหลัง Spread ปรับเพิ่มสูงกว่าภาวะปกติจาก Pent up demand ใน 2Q64 และ (3) ราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับลดลงจะทำให้การรับรู้ Stock gain ในช่วง 3Q64 และ 2H64 ลดลง

ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 58 บาท (เดิม 68 บาท) จากการปรับวิธีการประเมินราคาเป้าหมายจาก PBV เป็น EV/EBITDA ราคาหุ้นที่ปรับลดลงกว่า 23% ในรอบ 3 เดือน เราเชื่อว่าสะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 2H64 ที่เราคาดว่าจะปรับลดลง จนทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นกลับมาซื้อขายอยู่ที่ 0.8xPBV เท่านั้น เรามองเป็นจังหวะที่ดีต่อการเข้าลงทุน ทำให้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” 

- Advertisement -