ตลาดหุ้นวันนี้

  • ระวังหลุด 1515 จุด: ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวอิงทางลงในกรอบระหว่าง 1515-1535 จุด โดยหากไม่สามารถยืนเหนือ 1515 จุดได้ เสี่ยงทดสอบแนวรับใหญ่ที่บริเวณ 1500 จุด หลังปัจจัยลบกลับมารุมเร้าอีกครั้ง ได้แก่ 1) ผู้ติดเชื้อในประเทศกลับมาเร่งตัวขึ้น 2) เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และ 3) MSCI ถอด BBL-F ออกจากดัชนี Global Standard มีผลราคาปิดวันที่ 31 ส.ค. 64 ส่วนสถานการณ์การเมืองภายในประเทศแม้มีการตอบโต้กันระหว่างสองฝ่าย แต่สถานการณ์ยังไม่บานปลาย จึงมองเป็นเพียงปัจจัยรบกวนต่อตลาดหุ้น ภาพรวมขาดปัจจัยหนุนต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว (หุ้นผลประกอบการดีต่อเนื่อง) หุ้นปลอดภัย และหุ้นปันผล ส่วนหุ้นกลุ่มเปิดเมืองยังไม่แนะนำให้ลงทุน
  • ดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่า: เมื่อวันพุธที่ผ่านมาสหรัฐประกาศตัวเลข Core CPI เดือน ก.ค. 64 ขยายตัว 4.3% y-y ตามคาดการณ์ และขยายตัว 0.3% q-q น้อยกว่าคาดการณ์ ส่งผลดอลลาร์อ่อนลงเล็กน้อยก่อนที่เมื่อวานนี้ตัวเลข PPI จะออกมาขยายตัว 1.0% สูงกว่าตลาดคาดการณ์ สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ทำให้ Dollar Index กลับมาใกล้แตะ 93 จุดอีกครั้ง การกลับมาแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐยังคงหนุน Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นฝั่งเอเชียรวมถึงไทย โดยเฉพาะท่าทีของกรรมการ Fed หลายท่านเริ่มให้ความเห็นที่เป็นสัญญาณการประกาศทำ QE Tapering ที่คาดว่าจะเห็นทิศทางที่ชัดเจนขึ้นหลังการประชุมประจำปีที่ Jackson Hole และประกาศอย่างเป็นทางการในการประชุม FOMC ก.ย. 64
  • ผู้ติดเชื้อทั่วโลกเร่งตัวขึ้น: สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง ล่าสุดแตะ 700,000 ราย เสี่ยงกลายเป็นการระบาดระลอกที่ 5 จากสายพันธุ์เดลตาที่เริ่มครองสัดส่วนการระบาดในสหรัฐเกือบทั้งหมดเช่นเดียวกับไทย ที่สัดส่วนการระบาดใหม่เกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์เดลตา และผู้ติดเชื้อรายวันหากรวมการตรวจด้วย ATK และตรวจเชิงรุกจะอยู่ที่ 25,000-27,000 รายต่อวัน ซึ่งเมื่อเทียบอัตราการตรวจหาเชื้อ 7 วันล่าสุดที่อยู่ราว 52,000 รายต่อวัน แสดงถึง Positive Rate ประมาณ 40-50% ที่ยังสูงมาก นั่นคือสถานการณ์ในประเทศไทยยังวิกฤต ขณะที่กรุงเทพฯได้รับวัคซีนราว 70% แล้ว (เป้าหมาย 80%) ต้องลุ้นครึ่งเดือนหลังว่าการระบาดจะลดลงได้หรือไม่ ทางฝ่ายยังมองว่าความหวังเปิดเมืองยังอีกห่างไกล อย่างเร็วที่สุดคือต้นไตรมาสที่ 4 บนความหวังการเข้ามาของวัคซีน mRNA จะช่วยลดการระบาดลงได้ โดยที่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นคือการกลายพันธุ์ของเชื้อที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลตา
  • ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า: 1) สภาพัฒน์เตรียมประกาศ GDP 2Q64 ของไทย คาดหดตัว 3.3% y-y 2) ตัวเลข Industrial Production เดือน ก.ค. ของจีน คาดขยายตัว 7.8% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า

PICKS OF THE DAY

SAT: BUY

  • 2Q64 พลิกมีกำไร: แม้ไตรมาส 2 ของทุกปีจะเป็น Low Season จากวันทำงานที่น้อย กดดันกำไรลดลง q-q แต่หากเทียบ y-y พบว่าพลิกฟื้นมีกำไรจาก 2Q63 ที่ขาดทุนหลังผล COVID-19 รอบนี้ไม่กระทบหนักจนต้องหยุดสายการผลิต
  • รับอุตฯ ยานยนต์ฟื้นตัว: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าถือเป็นปัจจัยหลักที่หนุนภาพอุตฯ ยานยนต์สดใส สะท้อนได้จากการส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศที่เติบโตเด่น 35% y-y ช่วง 6 เดือนแรกของปี 64 และเป็นเหตุผลหลักต่อการปรับเป้ายอดผลิตรถยนต์เพิ่มเป็น 1.55-1.60 ล้านคัน

CHG: BUY

  • กำไร 2Q64 ดีเกินคาด: กำไร 2Q64 +272.1% y-y, +129.0% q-q ดีกว่าทางฝ่ายและตลาดคาดมาก จากรายได้และมาร์จิ้นที่ดีกว่าคาด หนุนจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 โดยเฉพาะจากสปสช.
  • 3Q64 New High: คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ทำสถิติสูงสุดใหม่จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น, ขยายเดียงผู้ป่วยโควิด และ Hospitel ตลาดมีโอกาสปรับประมาณการและราคาพื้นฐานขึ้นค่อนข้างมาก
- Advertisement -