บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

TRIPLE I LOGISTICS ไม่ได้เป็นแค่ Freight Forwarder อีกต่อไป

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) 42.5%

Close Aug 11, 2021 Price (THB) 12.00

12M Target (THB) 17.10

Previous Target (THB) 9.10

What’s new?

  • บริษัทรายงานกำไรปกติ 1H64 ท่ี 164 ลบ. เติบโตขึ้นเด่นกว่า 171%YoY จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ
  • บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างการถือหุ้นที่ของธุรกิจ GSA เพื่อขยายฐานการลงทุนไปยังหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน
  • เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่คือ Shipsmile ในช่วง 2Q64 ขณะท่ีมีแผนลงทุนในอีกหลายธุรกิจที่ยังไมร่วมในประมาณการ

Our View

  • ปรับเพิ่มประมาณการปี 2564/65 ขึ้น 80% และ 54% เป็น 316 ลบ.และ 387 ลบ.ตามลำดับ จากแนวโน้มผลประกอบการจากธุรกิจหลักที่ยังแข็งแกร่ง ขณะที่มีปัจจัยหนุนคือ การเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่
  • ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้น 1H65 ที่ 17.10 บาท/หุ้น
  • ราคาปัจจุบันเทียบเท่า PER1H65 ที่เพียง 22.0x ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ WICE, LEO และ JWD ท่ีปัจจุบันซื้อ-ขายบนค่าเฉลี่ยท่ี 30.9x

กำไร 1H64 เติบโตเด่นจาก Air Freight … โมเมนตั้ม 2H64 ยังดีต่อเนื่อง

บริษัทรายงานกำไรปกติ 1H64 ที่ 164 ลบ. เติบโตขึ้นเด่นกว่า 171% YoY จาก 1) ธุรกิจการขนส่งทางอากาศที่เติบโตขึ้นกว่า 79%YoY เป็น 763 ลบ. หลักๆ มาจากการเพิ่มเส้นทางบินของ Cargo Flight รวมถึงปริมาณการขนส่ง Wholesale ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ค่าระวางทางอากาศยังทรงตัวในระดับที่สูง ซึ่งเป็นผลจาก Bottle neck จากการขาดแคลนของตู้คอนเทนเนอร์ และ 2) รายได้ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์เติบโตขึ้น 59%YoY อยู่ที่ 191 ลบ. หลักๆ มาจากการขนส่งประเภท Air Freight ในช่วง 1H64 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 340% YoY จาก 3.9 หมื่น Kgs เป็น 1.7 แสน Kgs เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากค่าระวางทางอากาศที่อยู่ในระดับสูง

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 2H64 เราคาดยังเติบโตเด่นที่ราว 40-50% YoY จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของกลุ่ม Logistics ขณะที่ค่าระวางทางเรือและทางอากาศคาดยังทรงตัวในระดับ 100-200% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด COVID-19 อย่างน้อยไปจนถึงช่วง 1H65 นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเติบโตแบบ Organic growth ผ่านการเพิ่มเส้นทางการขนส่งแบบ Cargo Flight, การเพิ่มเที่ยวบินแบบเหมาลำ รวมถึงการเพิ่ม capacity ของกลุ่ม CK Line เพื่อรองรับอุปสงค์การขนส่งทางเรือในช่วง 3Q64

ตั้งเป้าเป็น Regional Player ขยายธุรกิจ GSA ในต่างประเทศ

ล่าสุดในช่วงเดือน เม.ย. 2554 ที่ผ่านมา บริษัทได้การจัดโครงสร้างกลุ่มบริษัทธุรกิจขายระวางสินค้าสายการบิน (GSA) ภายใต้ บริษัท ANI โดยมีวัตถุประสงค์ในการเป็น Operating Holding สำหรับกลุ่มธุรกิจการให้บริการตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน ซึ่งจะดำเนินการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทต่างๆโดยเริ่มต้นจากขอบเขตในภูมิภาคอาเซียน อาทิ ประเทศไทย ฮ่องกง สิงค์โปร์ เมียนมาร์ และกัมพูชา เป็นต้น ปัจจุบันกลุ่มบริษัทได้เป็นตัวแทนการขายระวางสินค้าให้กับสายการบินกว่า 20 สายบิน แต่เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตผ่านการทำ M&A กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประเภท GSA ในภูมิภาคอาเซียน (คาดเห็นความชัดเจนของแผนการขยายตัวมากขึ้นในช่วง 3Q-4Q64) ทั้งนี้ บริษัทคาดการขยายธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าของธุรกิจ GSA เติบโตขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญที่ราว 200-300% ภายในระยะเวลา 3-5 ปี (ปัจจุบันบริษัทมีส่วนกำไรจาก TLP และ AROUND อยู่ที่ราว 100 ลบ. ต่อปี)

ธุรกิจใหม่เริ่มออกผลกำไร … โปรเจ็คใน Pipeline ยังมีอีกมากที่ไม่รวมในประมาณการ

ในช่วง 2Q64 บริษัท เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนใน Shipsmile ที่ราว 3 ลบ. +/- (ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 2,400 สาขา) และล่าสุดประกาศเข้าลงทุนในเพิ่มอีก 8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ Shipsmile เบื้องต้นคาดหนุนส่วนแบ่งกำไรอย่างน้องราว 5 ลบ. +/- ต่อไตรมาส ทั้งนี้ Shipsmile ได้จับมือกับพันธมิตรใหม่และรับหน้าที่เป็นจุดขนส่งสินค้าให้กับ Kerry Express (Thailand) คาดเป็นปัจจัยหลักหนุนส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ช่วง 3Q64 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ III มี Upside risk สำคัญจากการเข้าลงทุนในหลายธุรกิจใหม่ที่ยังไม่รวมในประมาณการ ได้แก่ 1) บริษัท Makesend ดำเนินธุรกิจขนส่งประเภท Same-day-delivery 2) การขนส่งผ่านระบบรางภายในประเทศและข้ามประเทศ 3) ธุรกิจ Cool Chain Logistics ในการขนส่งสินค้ากลุ่มยาเย็นในประเทศสิงคโปร์ และ 4) Platform การขนส่งในระบบ E-Commerce เบื้องต้นเราคาดเห็นความชัดเจนของแผนการดำเนินงานและโครงสร้างรายได้มากขึ้นในช่วง 2H64

คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 80% และ 54% ตามลำดับ

เราปรับเพิ่มประมาณการปี 2564/65 ขึ้น 80% และ 54% เป็น 316 ลบ. และ 387 ลบ. ตามลำดับ หลักๆ จาก 1) แนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของกลุ่มธุรกิจ Air Freight และธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ที่ได้รับแรงหนุนจากค่าระวางที่คาดคงรับดับสูงไปจนถึงช่วง 1H65 เป็นอย่างน้อย และ 2) การขยายธุรกิจทั้งในรูปแบบ Organic และ Inorganic เป็นผลให้เราปรับเพิ่มสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าในปี 2564/65 ขึ้น 41% และ 26% เป็น 207 ลบ. และ 243 ลบ. ตามลำดับ

คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้น 1H65 ที่ 17.10 บาท/หุ้น (อิง PER1H65 เท่าเดิมที่ 31.4% เทียบเท่า +1.5SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของบริษัท ) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PERfH65 ที่เพียง 22.0x ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ WICE, LEO และ JWD ที่ปัจจุบันซื้อ-ขายบนค่าเฉลี่ยที่ 30.9x

- Advertisement -