บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

NR Instant Produce (NRF) สะดุดระยะสั้นระยะยาวยังดี

Results Review

ประเด็นการลงทุน

บริษัทรายงานกำไรปกติ 2Q64 ที่ 29 ลบ. (-38%YoY, -58%QoQ) ต่ำกว่าคาดมาก 57% จากปัญหาโลจิสติกส์ที่ทำให้เกิดการ Mismatch ระหว่างยอดขายที่ต้องเลื่อนไปบันทึก 3Q64 แต่ต้นทุนบันทึกใน 2Q64 ทำให้กำไรต่ำกว่าคาดมาก และแนวโน้มใน 3-6 เดือนข้างหน้ายังคงท้าทายจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังมีอยู่ และการเปิดโรงงาน Plant-based ที่ UK มีสัญญาณช้ากว่าคาด อย่างไรก็ดี บริษัทยังคง Aggressive กับเป้าหมายระยะยาวและเพิ่มเป้ายอดขายใน 2-3 ปีข้างหน้าขึ้นจากโอกาสที่เห็นในเทรนด์ Plant-based food และ E-commerce ดูดีกว่าคาด ทำให้เรามองราคาที่อ่อนตัวลงมายังเป็นโอกาสทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว แม้เราจะมีการปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ลง และลดราคาเป้าหมายลงจาก 11 บาท เป็น 10.30 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 7.7%, G.3%) แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน”

กำไร 2Q64 ต่ำคาดมาก จากปัญหาด้านโลจิสติกส์

สาเหตุหลักมาจาก (1) การส่งมอบออเดอร์ทั้งกลุ่ม Ethnic food และ Plant-based food มูลค่ากว่า 100 ลบ. หรือราว 20% ของยอดขายต้องถูกเลื่อนออกไปใน 3Q64 ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในสินค้าที่เลื่อนถูกบันทึกใน 2Q64 ทำให้เกิดการ Mismatch การบันทึกยอดขายและต้นกดดันกำไรต่ำกว่าคาด (2) โรงงาน Plant-based ที่ UK มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ แย่กว่าที่คาดจากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการได้รับ License BRC

แนวโน้มการฟื้นตัวใน 2H64 ยังค่อนข้างท้าทาย

จากประเด็น (1) บริษัทให้มุมมองปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ใน 3Q64 จะยังคงมีอยู่ แต่คาดผลกระทบจะลดลงเหลือราว 5-6% ของยอดขายจากระดับ 20% ใน 2Q64 แต่เราค่อนข้างมีมุมมองอนุรักษ์นิยมกว่าบริษัท และมองว่ามี downside risk จากที่บริษัทคาดจากปัจจุบันดัชนีค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ยังคงตึงตัวทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยใน 3Q64 ตึงตัวกว่า 2Q64 ราว 20% และ (2) รายได้จากโรงงาน Plant-based ที่ UK มาช้ากว่าคาด ด้วยการเลื่อนเปิดจากเดือนก.ค.-ส.ค. เป็นเดือนก.ย. จากปัญหาการขอ License BRC และบริษัทได้ไกด์แนวโน้ม U-rate ณ 4Q64 ที่ระดับ 30-40% ต่ำกว่าที่เราเคยคาดที่ 50-60% ทำให้เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ลงที่ 33% และ 11% ตามลำดับเพื่อสะท้อนผลกระทบระยะสั้นดังกล่าว

ภาพระยะยาวยังดีตามเมกะเทรนด์ของโลก

โดยบริษัทยังคงมุมมอง Aggressive ต่อการเติบโตระยะยาวและปรับเป้ายอดขายขึ้นจาก 3,000 ลบ. ในปี 67 เป็น 5,000 ลบ. ในปี 66 ผ่านการเติบโตของธุรกิจ (1) Plant-based food เตรียมยกระดับนวัตกรรมเป็น Cell-based food ร่วมกับ Partner และมีแผนจะ Spin-off ปลดล็อก Value บริษัทลูกภายใน 2-3 ปีข้างหน้า (2) เพิ่มเป้าหมาย M&A ธุรกิจ E-commerce และ (3) ธุรกิจพืชสมุนไพรทั้งกัญชงที่คาดจะเห็นรายได้ 1965 และกระท่อมที่อยู่ระหว่างศึกษา โดยดีลทั้งหมดปัจจุบันมีแหล่งเงินทุนเพียงพอไม่รบกวนผู้ถือหุ้น ทำให้เรายังคงมุมมองบวกต่อบริษัท ในระยะยาวและมองเป็นโอกาสสะสมหากราคาหุ้นปรับลงมาด้วยปัจจัยระยะสั้น

- Advertisement -