ตลาดหุ้นวันนี้

  • อ่อนตัวตามบรรยากาศภายนอก: วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งS &P500 และ NASDAQ ปรับตัวลงราว 1.07% และ 0.89% ตามลำดัจากรายงานการประชุม FED รอบ ก.ค. ชี้ให้เห็นว่าคณะกรรมการ FED หลายรายเริ่มมองว่าการลดวงเงิน QE มีความเหมาะสม ที่อาจเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ กอปรกับความคุกรุ่นในสถานการณ์ภูมิศาสตร์การเมือง อาทิ สถานการณ์ในอัฟกานิสถานและความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน เป็นต้น เหล่านี้ร่วมกันกดดันบรรยากาศลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ในภาพรวมจึงคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวอิงทางลงระหว่าง 1535-1555 จุด อย่างไรก็ดี การเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Re-opening, Finance และท่องเที่ยวบนความคาดหวังว่ามาตรการคุมเข้ม 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มจะไม่ถูกยกระดับคุมเข้มมากขึ้น และมีแนวโน้มที่ผ่อนคลายในระยะถัดไปยังช่วยประคองการย่อตัวของตลาดได้ แต่นักลงทุนยังจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวัง และวางแผนรัดกุมในการเข้าลงทุนจากสถานการณ์การระบาด COVID-19 ในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
  • FED ส่งสัญญาณดำเนินการ QE Tapering ภายในปีนี้: ล่าสุดจากรายงานการประชุม FED รอบเดือน ก.ค. ที่ออกมาเปิดเผยว่า FED อาจเริ่มลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ ซึ่งการส่งสัญญาณครั้งนี้เป็นผลมาจากพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นไปตามความคาดหวังของ FED แม้ว่าสถานการณ์การจ้างงานในปัจจุบันจะยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม FED ยืนยันว่าการเริ่มลดวงเงิน QE ในปีนี้ยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า ดังนั้นอาจมีแรงกดดันในเชิงลบต่อภาพรวมตลาดกระตุ้นแรงขายทำกำไรระยะสั้นได้
  • สหรัฐเตรียมเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เริ่มวันที่ 20 ก.ย. นี้: หลังจากที่สหรัฐสั่งขยายระยะเวลามาตรการบังคับใส่หน้ากากอนามัยในการเดินทางไปจนถึง 18 ม.ค. 65 ล่าสุดสหรัฐเตรียมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์จำนวน 100 ล้านโดสให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 เข็ม สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังและความกังวลในการควบคุมการระบาด ณ ปัจจุบันหลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเดินหน้าสู่ระดับ 1.4 แสนราย และผู้เสียชีวิตเร่งตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 1 พันรายต่อวัน
  • สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2: วานนี้สหรัฐรายงานตัวเลขสด็อกน้ำมันดิบลดลง 3.23 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลงราว 1.06 ล้านบาร์เรล และถือเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 จากสัปดาห์ก่อนที่สต็อกลดลง 0.45 ล้านบาร์เรล แม้จะดูเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน แต่ด้วยความกังวลการระบาด COVID-19 สายพันธุ์เดลตาทั่วโลก ทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่าอุปสงค์การใช้น้ำมันดิบโลกอาจเริ่มลดลง ล่าสุดราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ระดับ 65.46 ดอลลาร์สรอ. ต่อบาร์เรลลดลง 1.70% 

PICKS OF THE DAY

CHG – BUY

  • 3Q64 New High: แนวโน้มกำไร 3Q64 New High หนุนจากรายได้ค่ารักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย q-q
  • มีโอกาสปรับประมาณการขึ้น: ทางฝ่ายและตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรทั้งปีขึ้น จากประกาศงบ 2Q64 ที่ดีกว่าคาดมาก และแนวโน้มกำไร 3Q64 ที่คาดท่า New High จะมีจัด Analyst Meeting วันที่ 20 ส.ค. นี้ อัตรา

SAWAD – BUY

  • การร่วมทำธุรกิจกับออมสินจะเห็นชัดเจนขึ้น: โดยตอนนี้ SAWAD ได้ใช้สาขาของออมสิน 500 สาขาเป็นจุดติดต่อลูกค้า และจะเพิ่มเป็น 800 สาขาภายในปลายปีนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ทั้งสินเชื่อและค่าธรรมเนียมเติบโต
  • แรงกดดันของผลตอบแทนสินเชื่อที่ลดลงเริ่มผ่อนคลาย: ผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มมีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่คิดกับลูกค้าขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นรวมไปถึง SAWAD ปรับขึ้นตาม ส่งผลดีต่อรายได้ดอกเบี้ย
- Advertisement -