บล.เคจีไอ:

Chularat Hospital ผลประกอบการปี FY64 จะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ

Event

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY64F ตามผลการดำเนินงานงวด 1H64

lmpact

ผลการดำเนินงานออกมาน่าประทับใจใน 1H64 โดยกำไรสุทธิโตถึง 142.6%YoY กำไรสุทธิของ CHG ใน 2Q64 ออกมาน่าพอใจที่ 576 ล้านบาท (+272.1%YoY, +128.8%QoQ) โดยกำไรสุทธิในงวด 1H64 คิดเป็น 70.3% ของประมาณการกำไรเดิมในปีนี้ของเราที่ 1.18 พันล้านบาท นอกจากนี้ ผลประกอบการใน 2Q64 ยังดีกว่าประมาณการของเรา และ consensus ถึง 60% เนื่องจาก i) รายได้สูงเกินคาด ii) อัตรากำไรของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ดีกว่าที่คาดไว้ และ iii) คุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี ซึ่งสะท้อนว่า CHG เป็นหนึ่งในบริษัท ที่ได้ประโยชน์อย่างมากจากการที่ COVID-19 ระบาดในช่วง 2Q64 เนื่องจากรายได้ 40% มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 เนื่องจากมีบริการที่หลากหลาย ได้แก่ การตรวจ, การกักตัวในโรงพยาบาล และบริการ hospitel) นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้ประโยชน์จากโรงพยาบาลใหม่สองแห่งด้วย (จุฬารัตน์ 304 และรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา) ทั้งนี้รายได้ใน 2Q64 เพิ่มขึ้นเป็น 2.07 พันล้านบาท (+80.8%YoY, +46.4%QoQ) โดยรายได้เพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม (ผู้ป่วยทั่วไป, ประกันสังคม และสปสช.) โดยเฉพาะรายได้จากมาตรการของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ซึ่งโตถึง 515%YoY ในขณะเดียวกัน รายได้จากบริการเกือบทุกกลุ่มยังเพิ่มขึ้น QoQ ด้วย (ยกเว้นประกันสังคม) เนื่องจาก COVID-19 กลับมาระบาดระลอกสาม ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นของ CHG จึงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 41.8% จาก 29.0% ใน 2Q63 และ 29.7% ใน 1Q64 ยังคงมองบวกเช่นเดิม

นอกจากรายได้ที่แข็งแกร่งเพราะ COVID-19 ใน 3Q64 แล้วเรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการเติบโตของ CHG อีกเนื่องจาก i) ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และรวมแพทย์ฉะเชิงเทราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และน่าจะเริ่มทำกำไรได้ในปีนี้ ii) มีรายได้จากบริการบริหารจัดการโรงพยาบาล (ได้แก่ โรงพยาบาลที่พัทยา, เกาะล้านและศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสิรินธร) และ iii) มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้บริการวัคซีนทางเลือกตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY64 ขึ้นจากเดิมอีก 36.7%

เนื่องจากผลการดำเนินงานในงวด 1H64 ออกมาดีมากจากการที่ COVID-19 กลับมาระบาดระลอกสาม เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานสำคัญดังนี้ i) ปรับเพิ่มรายได้ปีนี้ขึ้นอีก 12.7% และ ii) ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 39.1% (จากเดิม 34.3%) ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ของเราเพิ่มขึ้นเป็น 1.61 พันล้านบาท (+83.7%YoY)

Valuation & Action

ราคาหุ้นขยับขึ้นถึง 80.4% ถึงจุดสูงสุดที่ 4.44 บาท เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานของ CHG จะออกมาดีมากในปี 2564 และกลับเข้าสู่ระดับปกติในปี 2565 ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 4.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.9% และ TG ที่ 3.0%)

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง และเกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่

- Advertisement -