บล.เคจีไอ:

B.Grimm Power เน้นขยายกำลังการผลิตใหม่เป็น 7.2GW ภายในปี 2568

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

คาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 7.2GW (4.4 – 4.8GWe) ภายในปี 2568 ผู้บริหารคาดว่ากำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทจะเพิ่มข้ึนจาก 2.9GW (1.9GWe) ในปี 2564 เป็น 7.2GW (4.4-4.8GWe) ในปี 2568 BGRIM คาดว่าจะถือหุ้นในโครงการใหม่แต่ละโครงการประมาณ 50%-60% โดยจะเน้น i) โครงการ B2G (PPA ทั่วโลก) ii) โครงการ B2B projects (ลูกค้า IUs ใหม่ๆ อย่างเช่น data centers, ผู้ผลิต EV, โรงพยาบาล และโกดัง สินค้า ) iii) บริการ solution provider เพื่อสร้างประสิทธิภาพในด้านพลังงาน iv) สายส่งและจำหน่ายไฟฟ้า (เครือข่ายไฟฟ้าทั่วโลก, นิคมอุตสาหกรรม, smart grids และ smart cities) ทั้งน้ีบริษัทตั้งงบลงทุน (CAPEX) 10 ปี เอาไว้ที่ 2.50-3.00 แสนล้านบาท โดยกำหนดสัดส่วนหน้ีสินสุทธิรวม/ทุน (consolidated net debt to equity) ไว้ที่ <2.0x (เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ 1.5x) และกำหนดระดับหน้ีสินต่อทุนในแต่ละโครงการที่จะเข้าลงทุนเอาไว้ที่ <3.0x เราคาดว่าสัดส่วน net IBE/E ตามประมาณการของเราจะอยู่ในช่วง 1.6x ถึง 1.9x ในปี 2564-2568 หลังจากท่ีรวมกำลังการผลิตใหม่ที่คาดว่าจะเพิ่มข้ึนแบบเส้นตรงเป็น 4.8GWe ตามสัดส่วนการถือหุ้นภายในปี 2568

จับมือกับ PTTGL ในการจัดหา และจําหน่าย LNG หลังจากที่ BGRIM ได้รับใบอนุญาต LNG shipper 1.2 ล้านตัน/ปี จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) BGRIM ได้ตั้งกิจการร่วมค้า (joint venture) กับ PTTGL โดยทั้งสองบริษัทถือหุ้น 50% เท่ากัน ทั้งน้ี JV ท่ีตั้งข้ึนมาจะทำหน้าที่จัดหาและจำหน่าย LNG รวมถึงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับ value chain ของ LNG ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 0.4% แต่ปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2565 ลง 2.0% เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564 และ 2565 จากเดิม 29 บาท/ดอลลาร์ฯ เป็น 32 บาท/ดอลลาร์ฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับ IPP และ SPPs ท่ีรายได้โยงกับสกุลเงินดอลลาร์ฯ ทำให้เราประมาณการรายได้ของเราสูงขึ้นจากเดิม อย่างไรก็ตาม เราได้เลื่อนกำหนด COD โครงการพลังงานลมบ่อทอง จากเดิม 1H64 เป็น 2H64 และโครงการ replacement SPP 5 โครงการ (ABP1-2, BPLC และ BGPM 1- 2) จากเดิม 1H64 เป็น 2H65 ตามกำหนดการล่าสุดของบริษัท ซึ่งทำให้ประมาณการรายได้ของเราลดลงจากเดิม ทั้งน้ี การปรับสมมติฐานสองรายการดังกล่าวทำให้ประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2564 ของเราเพิ่มข้ึนเล็กน้อย 0.4% และประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2565 ลดลง 2.0%

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยปรับลดราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ลงเหลือ 59.00 บาท จากเดิมที่ 60.50 บาท เนื่องจากเราปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนระยะยาวจากเดิม 29 บาท/ดอลลาร์ฯ เป็น 32 บาท/ดอลลาร์ฯ (+1.50 บาท/ดอลลาร์ฯ) และเลื่อนกำหนด COD ในปี 2564-65 (-3.00 บาท/หุ้น)

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่

- Advertisement -