ชะลอความร้อนแรง 1620 – 1640

ตลาดหุ้นวันนี้

  • ชะลอความร้อนแรง: คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวออกข้างระหว่าง 1620-1640 จุด หลังปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วกว่า 30 จุดภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน แม้ล่าสุดจะยังเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาต่อเนื่องและ Dollar Index ยังคงทรงตัวอยู่ในทิศทางอ่อนค่าที่ระดับ 92.70 จุด แต่ทางฝ่ายมองว่าตลาดได้ตอบรับปัจจัยเชิงบวกไปค่อนข้างมากแล้ว ทั้งการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเริ่มวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก และประเด็น FED ส่งสัญญาณชัดเจนในการทำ QE Tapering แต่ไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ช่วยดันตลาดหุ้นไทยวานนี้ อาจเริ่มแผ่วกำลังลงหลังเฮอริเคนไอดาเริ่มอ่อนกำลังลงจากระดับความรุนแรง Category 4 เหลือเป็น Category 1 อีกทั้งสิ้นวันนี้จะมีการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI ซึ่งตลาดหุ้นไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงราว 0.03% จึงน่าจะส่งผลให้เกิดความผันผวนในช่วงท้ายตลาดได้
  • ทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกอาจทรงตัวได้ในระดับสูง: แม้ล่าสุดระดับความรุนแรงของเฮอริเคนไอดาเริ่มอ่อนกำลังลงจากความรุนแรงระดับ 4 สู่ระดับ 1 แต่ บริษัท lipow oil associates ให้ความเห็นว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยราว 4-6 สัปดาห์ กำลังการผลิตน้ำมันในพื้นที่อ่าวเม็กซิโกถึงจะกลับมาได้ปกติ ขณะเดียวกันยังต้องติดตามผลการประชุม OPEC+ ในวันพรุ่งนี้ หากมีการทบทวนแผนการเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวันตามที่รัฐมนตรีน้ำมันคูเวตกล่าวไว้ ทางฝ่ายจึงคาดว่า Supply น้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มจะลดลงต่ออีกระยะหนึ่ง จึงน่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกสามารถยืนอยู่ได้ในระดับสูง
  • อัพเดตสถานการณ์การจัดหาวัคซีนของประเทศไทย: ล่าสุดครม. มีมติซื้อวัคซีน Pfizer จำนวน 9.99 ล้านโดส ด้วยงบประมาณ 4,745 ล้านบาท พร้อมกับยืนยันมั่นใจว่าประเทศไทยจะบรรลุเป้าการจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสในปีนี้ ขณะที่ด้านสธ. เปิดเผยแผนการจัดหาวัคซีนในไทย ดังนี้ 1) เดือน ก.ย. จะมีวัคซีนเข้าไทย 15.3 ล้านโดส 2) เดือนต. ค. มีวัคซีนเข้าไทย 24 ล้านโดส 3) เดือน พ.ย. และ ธ.ค. มีวัคซีนเดือนละ 20 ล้านโดส รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 79.3 ล้านโดส ที่มีกำหนดการที่จะเข้ามาในประเทศไทย โดยหากพิจารณาจากอัตราการฉีดวัคซีน 5 วันทำการที่ผ่านมา จะพบว่าไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนเฉลี่ย 6.75 แสนโดสต่อวัน ถือเป็นอัตราเร่งตัวเร็วขึ้นจากสัปดาห์ก่อนๆ ค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันศุกร์ฉีดวัคซีน 9.15 แสนโดสภายในวันเดียว จึงน่าติดตามต่อว่าไทยจะสามารถรักษาอัตราการฉีดวัคซีนในระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่ หากทำได้ทางฝ่ายคาดว่าแผนการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 50 ล้านคน (ผู้รับวัคซีนเพียงเข็มแรก) ของทางรัฐบาลดูมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จภายในระยะเวลา 1-2 เดือนหลังจากนี้
  • ตัวเลขเศรษฐกิจน่าติดตาม: พรุ่งนี้สหรัฐเตรียมประกาศ 1) การจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอดีพี (ADP) ตลาดคาดมีการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 6.25 แสนตำแหน่ง มากกว่าเดือนก่อนที่ 3.30 แสนตำแหน่ง 2) สต๊อกน้ำมันดิบตลาดคาดลดลง 2.83 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าสัปดาห์ก่อนที่ลดลง 2.98 ล้านบาร์เรล

PICKS OF THE DAY

KTC BUY

  • ผ่อนคลายล็อคดาวน์ช่วยเสริมการจับจ่าย: การผ่อนคลายล็อคดาวน์ที่จะมีผลในวันที่ 1 ก.ย. 64 น่าจะช่วยส่งเสริมให้มีการจับจ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้การใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มสูงขึ้น และจะทำให้สินเชื่อเดิบโตตามไปด้วยได้
  • สำรองส่วนเกินยังสูงและยังมีบางส่วนกลับมาเป็นรายได้ได้: KTC มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงถึง 260% ใน 2Q64 แม้สถานการณ์จะไม่แน่นอน และมีลูกค้าบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ KTC ยังมีสำรองส่วนเกินที่สามารถกลับมาเป็นรายได้ได้ ทำให้ลดผลกระทบจากการตั้งสำรองได้

PTT BUY

  • จัดทัพรับอนาคตที่เปลี่ยนไป: ที่ผ่านมา PTT ปรับโครงสร้างภายในกลุ่มรองรับอนาคตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในส่วนพลังงานแบบเดิม เน้นธุรกิจ Green energy มากขึ้น ทั้งการลงทุนเองรวมถึงร่วมมือกับบ.ลูก อีกทั้งยังลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ รองรับการเติบโตในอนาคต เช่น Ev car, ยาและการลงทุนใน EEC
  • ราคาหุ้น laggard มากหากเทียบกับกลุ่ม: กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดฯ ไทย แต่ราคาหุ้น PTT ซื้อขาย laggard มาก หากเทียบกับกลุ่ม ไม่สะท้อนการดำเนินงานที่ดี ทั้งจากของตัวเองรวมถึงจากบ.ลูกที่ดีขึ้นด้วย
- Advertisement -