บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

JMT Network Services (JMT) อันดับกําลังเปลี่ยน

TP Revision

ประเด็นการลงทุน

เงินทุนที่เข้ามาในนาทีทองบนภาวะ NPL เป็นขาขึ้น จะทำให้การเติบโตของพอร์ตหนี้เติบโตเท่าตัวภายในสองปี เรามองการเพิ่มทุนไม่ได้กระทบกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปีหน้า เนื่องจากสถิติที่บริษัทเก็บหนี้ได้ในอดีตที่ผลตอบแทนมากกว่า Dilution effect นับตั้งแต่ปีนี้ JMT จะเข้าซื้อหนี้ฯ ได้มากสุดในกลุ่มบริหารหนี้ฯ และจะเริ่มเก็บเกี่ยวพร้อมขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งกลุ่มฯ ในแง่ยอดเก็บเงินสด-กำไรสุทธิในสามปีข้างหน้า คงคำแนะนำซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 58 บาท

เพิ่มทุนหมื่นล้านรอซื้อหนี้ทุบสถิติ

การประกาศเพิ่มทุน (RO) 241 ล้านหุ้น 41.50 บ./หุ้น จะทำให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น 1 หมื่นล้านบาท พร้อมลด D/E จาก 1.1x เหลือ 0.5x ทันที นอกเหนือจากต้นทุนการเงินลดลงราว 300 ลบ. หรือบริษัทจะมีพร้อมรองรับหนี้ด้อยคุณภาพภายหลังหมดมาตรการพักหนี้ในเดือนก.ย. จะเห็นการประมูลขายหนี้ของสถาบันการเงินในช่วง 2H64 เป็นต้นไป ซึ่งอิงข้อมูลจาก ธปท. พบว่า ณ 2Q64 มีสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SML) ไม่น้อยกว่า 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าระดับแสนล้านบาท คาดถูกทยอยออกขายนับแสนล้านบาทใน 2-3 ปีข้างหน้า (10-15% ของมูลหนี้) โอกาสจึงมีมากพอที่ JMT จะคว้าไว้ และเข้าซื้อไม่ต่ำกว่าปีละ 1-1.5 หมื่นล้านบาท/ปี

ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น 18-27% เติบโตเฉลี่ย +53% ต่อปี

ตามสถิติของบริษัท ในปี 2549-2563 สามารถเก็บหนี้จนถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3.5-4 ปี หรือคิดเป็นผลตอบแทนราว 25% ดังนั้นเราเชื่อว่าการซื้อหนี้ระดับหมื่นล้านบาทจะทำให้ยอดเก็บเงินสดเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า +2-2.5 พันลบ./ปี จากปีนี้ที่คาดไว้ 4 พันลบ. +9%YoY ขณะอัตรากำไรจะดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาดยอดเก็บเงินสดต่อจำนวนพนักงานติดตามหนี้จะสูงขึ้น จากความเชี่ยวชาญและการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้นมาโดยตลอด เราจึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2565-66 ขึ้นเป็นเท่ากับ 2.4/3.5 พันลบ. +67%/+47%YoY ตามลำดับ

คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเหมาะสมปี 65 เท่ากับ 58 บาท

ประเมินการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 65 ที่ +67%YoY จะสามารถชดเชย Dilution 18% จากการเพิ่มทุนได้ และรักษาการเติบโตของ EPS เฉลี่ย (CAGR) 43% ในอีกสามปีข้างหน้า เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 เท่ากับ 58 บ./หุ้น โดยอิง P/E = 32.5x เทียบเท่า PEG 0.75x ปัจจัยบวกหนุนระยะสั้น คือแนวโน้มกำไร 3Q-4Q64  คาดแข็งแรงกว่าตลาดที่สามารถเติบโตได้ 5-10% QoQ จากกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2564 ยังเติบโต +37%YoY ขณะที่ระยะกลางด้วยมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นมีโอกาสที่บริษัทถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ราวกลางปีหน้า

ความเสี่ยง คือยอดจัดเก็บหนี้ไม่เป็นไปตามเป้า, การเปลี่ยนแปลงนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้จากภาครัฐ การแข่งขันในอุตสาหกรรม 

- Advertisement -