เงินเฟ้อไทยออกมาต่ำกว่าคาด / จำนวนผู้ติดเชื่อลดลงต่อเนื่องแต่เรามอง SET ตอบรับปัจจัยบวกดังกล่าวไปแล้ว / แนะจับตาการเปิดเมืองเดือนก..2021 ว่าตัวเลขผู้ติดเชื่อจะสูงขึ้นหรือไม่ 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ส.ค. โดย HL Inflation เดือน ส.ค.2564 ออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาด ที่ -0.02% YoY และ -0.18% MoM (เทียบกับที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.3% YoY) น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก หลักๆมาจาก ราคาอาหารสดที่คิดเป็นสัดส่วนที่ 20.5% ของภาวะเงินเฟ้อปรับตัวลดลง (-3.7% YoY) ปรับลดลงในทุกกลุ่มนำโดยข้าว (-7% YoY) จากข้าวเปลือกและข้าวเหนียว เนื้อสัตว์ (-1.6%) ซึ่งรวมทั้งราคาเนื้อหมู ผัก/ผลไม้ (-7.5%)

ในส่วนของราคาพลังงานที่คิดเป็นสัดส่วนที่ 12.4% ยังคงปรับเพิ่มขึ้น (+6% YoY) ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบดูไบ (+57.5% YoY) เติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากฐานที่กลับมาอยู่ระดับปกติ ราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยเดือน ส.ค.2564 อยู่ที่ 68.8 บาท/บาร์เรล (เทียบกับที่ 43.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ในเดือน ส.ค.2563)

ในขณะที่ Core CPI เดือน ส.ค.2564 ออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้เช่นกัน (+0.07% เทียบกับที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.17%) ด้วยสาเหตุหลักจากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นำโดย

ราคาอาหารและเครื่องดื่มปรับลดลง (-1.5% YoY) คิดเป็น 27% ของภาวะเงินเฟ้อ ลดลงจากทุกกลุ่มทั้งอาหารสดเดือน ส.ค.2564 เครื่องดื่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์ (-0.32%) ในช่วงที่มีมาตรการป้องกันโควิด-19

กลุ่มที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มทรงตัว (+0.9% YoY) คิดเป็น 40% ของภาวะเงินเฟ้อ ทรงตัวเพราะกลุ่มขนส่ง/สื่อสาร (+9% YoY) ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น (+28.8% YoY) ถูกหักล้างจากกลุ่มที่อยู่อาศัย/เฟอร์นิเจอร์ (-6% YoY) จากการใช้จ่ายเงินค่าสาธารณูปโภคที่ลดลง (-25.5% YoY) จากนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน

มุมมองของเราต่อเงินเฟ้อ คือ 1) เราเชื่อว่าเงินเฟ้อในเดือน 9 / 4Q21 จะมีลักษณะคล้ายกับเดือน 8 จากปัจจัยในแง่ของการลดค่าน้ำ ค่าไฟ, ปัจจัยเรื่องฐานจากราคาพลังงาน, และพืชผลที่ออกมาเยอะใน 4Q21 ทำให้สินค้าผู้บริโภคยังคงโดนกดดันในระดับต่ำ 2) เงินเฟ้อไทยจะต่างจากภาพตปท. ที่มีปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อกดดัน ทำให้ ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของไทย โดน pressure น้อยกว่า รวมถึง Bond yields ของไทยด้วยเช่นกัน

ในส่วนของการระบาดระลอกใหม่ ตัวเลขผู้ติดเชื่อในประเทศยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 13,000 กว่าเคสต่อวัน มุมมองของเราต่อประเด็นดังกล่าวคือ 1) ตลาดหุ้นตอบรัยปัจจัยบวกดังกล่าวไปพอสมควร หลัง ปรับตัวขึ้นมาในระดับ SET Index ที่ 1650 จุด 2) แนะนำให้จับตาหลังการเปิดเมืองในเดือน กันยา ว่า จำนวนเคส จะพุ่งสูงขึ้นหรือไม่

มุมมองตลาดหุ้น/ กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนวันนี้คาด SET เคลื่อนไหวกรอบ 1,640-60 จุด+/- แนะ BGRIM

หุ้นแนะนำ BGRIM (พื้นฐาน 55.00 บาท) เป็นบวกจาก 1) เงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่ากลับมาที่ 32.40 2) Bond yields ของไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำจาก FED dovishness และ เงินเฟ้อ 3)ปิดดีลร่วมทุนโรงไฟฟ้า 3 แห่งในนิคมเอส อ่างทอง กำลังผลิตรวม 403 เมกะวัตต์ คาดสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาทในปี 67

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของจีนเดือน ส.ค. คาด +17% YoY และ +27% YoY ตามลำดับ วันพุธ ติดตาม การประมูลพันธบัตร 10 ปีของเยอรมัน และสหรัฐฯ วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของไทยเดือน ส.ค. ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของจีนเดือน ส.ค. คาด +0.5% MoM และ +1.0% YoY ดัชนีราคาผู้ผลิตของจีนเดือน ส.ค. คาด +9.0% YoY การประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดคงดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility Rate ที่ -0.5% ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์ และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของเยอรมันเดือน ส.ค. คาด +0% MoM และ +3.9% YoY ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯเดือน ส.ค. คาด +0.6% MoM และ +8.2% YoY และตัวเลข Wholesale Inventories ของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาด +0.6% MoM

- Advertisement -