บล.โกลเบล็ก:

BUSINESS ALIGNMENT PLC. (BIZ) กำไร 2Q64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมปรับเพิ่มกำไรปี 64

  • รายงานกำไร 2Q64 ท่ี 111 ลบ. เติบโต 34%QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY
  • ปี 64 ภาครัฐเตรียมงบประมาณราว 2.58 หมื่นลบ.เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์
  • ปรับประมาณการปี 64 เพิ่มขึ้น 51% จาก 186 ลบ. สู่ 277 ลบ.
  • คงคำแนะนำ “ถือ” แม้ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 9.10 บาท

ประเด็นสำคัญในการลงทุน:

  • รายงานกำไร 2Q64 ที่ 111 ลบ. เติบโต 34% QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY: งวด 2Q64 บริษัท มีรายได้ 628ลบ.+14%QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY โดยได้แรงหนุนจากการส่งมอบเครื่องฉายรังสีเพิ่มข้ึนจากไตรมาสก่อน ขณะท่ีรายได้จากโรงพยาบาลอยู่ที่ 18.8 ลบ. +3% QoQ เนื่องจากมีผู้ใช้บริการ เครื่องฉายรังสีเพิ่มข้ึนหลังบริษัทร่วมโครงการ 30 บาทเพื่อขยายตลาด ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.9% เพิ่มข้ึนจากไตรมาสก่อนที่ 22.6% เนื่องจากส่งมอบเครื่องฉายรังสีได้เร็วกว่ากำหนด ทำให้ประหยัดต้นทุนการเก็บรักษา ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวข้ึน 11% จากไตรมาสก่อนท่ี 15.5 ลบ.สู่ 17.15 ลบ. แต่หากคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ทรงตัวท่ีระดับ 3.2% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิใน 2Q64 ท่ี 111 ลบ. +34%QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY (จาก 2Q63 ท่ีไม่มีกำไร) ทั้งน้ีกำไร 6M64 อยู่ที่ 194 ลบ. เพิ่ม ข้ึนอย่างมากจากปีก่อนท่ีมีกำไรเพียง 15 ลบ. และมากกว่าประมาณการเดิมทั้งปี 64 ของเราท่ี 186 ลบ.
  • ปี 64 ภาครัฐเตรียมงบประมาณราว 2.58 หมื่นลบ.เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์ : กระทรวงสาธารณสุขเผยงบประมาณปี 64 จัดสรรเงินจาก พ.ร.ก. เงินกู้ ใช้ในการจัดซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ควบคุมป้องกันโรคให้บุคลากร และผู้ป่วย/ ผู้ติดเชื้อโควิด 19 อยู่ที่ 25,825 ลบ.โดยล่าสุดมีการจัดสรรไปแล้ว 13 โครงการ วงเงิน 17,610.48 ล้านบาท ได้แก่ ค่าบริการสาธารณสุข ค่าตอบแทนอาสาสมัคร อุปกรณ์ห้องแยกโรค พัฒนาระบบบริการสุขภาพ จัดซื้อชุด PPE, Isolation Gown N 95 Mask วัคซีนโควิด 19 วัสดุควบคุมป้องกันโรค เครื่องฉายรังสีรักษา พัฒนาห้องปฏิบัติการ/เครื่องมือ/ คุณภาพวัคซีน และค่าปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ทั้งน้ีในปี 64 ภาครัฐมีนโยบาย “มะเร็งรักษาได้ทุกที่” ซึ่งเตรียมจัดหาเครื่องฉายรังสี 7 เครื่อง มูลค่ารวม 898 ลบ. ให้แก่โรงพยาบาล 7 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้ทำการประมูลทั้งหมดแล้ว
  • ปรับเพิ่มประมาณการปี 64 ขึ้น 51% จาก 186 ลบ. สู่ 277 ลบ. : เราคงประมาณการรายได้ปี 64 ที่ 2.82 พันลบ. (ณ วันที่ 5 ก.ค. 64 มี Backlog 1.9 พันลบ. ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ในปี 64 ประมาณ 1.5 พันลบ.) แต่ปรับเพิ่มกำไรข้ึน 49% จาก 186 ลบ. สู่ 277 ลบ. (กำไร 6M64 อยู่ท่ี 194 ลบ. คาดกำไร 2H64 ลดลงสู่ 83 ลบ.) โดยปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 12.9% สู่ 16% ซึ่งต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้น 6M64 ที่ 24.4% เนื่องจาก 2H64 จะมีการส่งมอบเครื่องฉายรังสีด้วยอนุภาคโปรตรอนของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นงานขนาดใหญ่มูลค่าราว 1 พันลบ.ซึ่งกำไรขั้นต้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่เราคงประมาณการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารท่ี 93 ลบ. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังปี 62-63 ที่ 66 ลบ. เนื่องจากมีการส่งมอบเครื่องฉายรังสี ให้โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มข้ึน ทั้งน้ี เราคงประมาณการรายได้และกำไรปี 65 ที่ 1.13 พันลบ.และ 97 ลบ. หดตัว 49%YoY และหดตัว 15%YoY ตามลำดับ เนื่องจากไม่มีการส่งมอบงานขนาดใหญ่ มูลค่า 1 พันลบ.เหมือนปี 64
  • คงคำแนะนำ “ถือ” แม้ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 9.10 บาท : เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี SOTP โดยได้ราคาเหมาะสม ธุรกิจติดตั้งเครื่องฉายรังสีปี 64 ที่ 8.77 บาท เพิ่มข้ึนจาก 8.37 บาท ตามการคำนวณ P/E ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี และปรับลด 2S.D. เพื่อให้สะท้อนถึงการส่งมอบงานใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ภาวะปกติในการดำเนินงานของบริษัท ได้ค่า P/E ratio ที่ 12.7 เท่า และประเมินราคาเหมาะสมโรงพยาบาลมะเร็งอีก 0.33บาท/หุ้น (อิง PBV 1 เท่า เนื่องจากยังมีผลขาดทุนจากส่วนท่ีบริษัทถือหุ้น 65%) ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 64 ใหม่รวม 9.10 บาท เพิ่มข้ึนจาก 8.7 บาท และคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5.8% (สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของ MAI ที่ 2.6%) อย่างไรก็ตาม ปี 65 มีความเสี่ยงที่รายได้และกำไรจะปรับตัวลง ซึ่งส่งผลให้ราคาเหมาะสมปี 65 จะปรับตัวลง จึงคงคำแนะนำ “ถือ”
- Advertisement -