ทยอยทำกำไร 1620 – 1650

ตลาดหุ้นวันนี้

  • สลับขายทำกำไรระหว่างทางมากขึ้น: คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวออกข้างทางลงระหว่าง 1620 – 1650 จุด หลังตลาดหุ้นขาดแรงหนุนต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงบวกใหม่ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยเชิงบวกเดิมๆ เริ่มจางลง อาทิ กรณีความหวังในการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในระยะที่ 2 ที่ถูกศบค.เลื่อนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ผู้ติดเชื้อหลังวันที่ 30 ก.ย.นี้ อาจทำให้หุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่ถูกเก็งกาไรมาในช่วงก่อนหน้านี้ ต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรในระยะสั้นๆ อีกทั้ง บรรยากาศลงทุนภายนอกก็ไม่สู้ดีเช่นกัน หลังดัชนี Dow Jones ปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะงักแต่เงินเฟ้อสูงขึ้น (Stagflation)
  • รองประธานที่ปรึกษาศบค. เตือนอีก 2 สัปดาห์ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นแน่ !!: โดย ศ.นพ.อุดม คชินทร กล่าวว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่อยู่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นรายต่อวัน เป็นเพราะผลของการ Lockdown ตั้งแต่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ผลของการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม 1 ก.ย. 64 คาดจะส่งผลต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันใน 2 สัปดาห์ข้างหน้ากลับมาเร่งตัวสูงขึ้นอีกครั้ง หากประชาชน หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ป้องกันตัวหละหลวม
  • ติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในไทยอย่างใกล้ชิด: ทางฝ่ายมองว่าการที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังไม่สามารถลดลงได้อย่างมีนัย กอปรกับการส่งสัญญาณจากทางการในการเลื่อนการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในระยะ 2 ออกไป สสะท้อนภาพความไม่แน่นอนของสถานการณ์หลังการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในพื้นที่สีแดงเข้มระยะแรก 1 ก.ย. ที่ผ่านมาได้ระดับหนึ่ง จึงยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยอัตราการเปลี่ยนแปลงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันแทบไม่ลดลงเลยระหว่าง 1.4 – 1.6 หมื่นรายต่อวัน (ยกเว้นวันนี้ ที่รายงานผู้ติดเชื้อ 12,583 ราย) จึงยังไม่ตัดความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจเป็นเหมือนกรณีผู้ติดเชื้อในอังกฤษที่กลับมาเร่งตัวขึ้น  หลังอังกฤษผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงกลางเดือน ก.ค. 64
  • หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้ออกมาแข็งแกร่ง อาจเพิ่มแรงกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลก: ทางฝ่ายให้น้ำหนักมากที่สุดกับตัวเลข CPI และ Core CPI ตัวแทนเงินเฟ้อของสหรัฐฯซึ่งจะออกมาในวันอังคารนี้ โดยตลาดคาด 5.3%y-y และ 4.2%y-y ตามลำดับ ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ขยายตัว 5.4%y-y และ 4.3%y-y ตามลำดับซึ่งหากตัวเลขออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ จะทำให้ตัวเลข Core CPI อยู่สูงกว่าเงินเฟ้อเป้าหมายของสหรัฐที่ระดับ 2.0% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 จะทำให้ตลาดเกิดความกังวลกรณีการเกิดภาวะ Stagflation รวมถึงกรณีที่ FED อาจทำ QE Tapering เร็วกว่าที่ประธาน FED เคยกล่าวไว้ว่าจะเริ่มภายในช่วงสิ้นปีน้ี ทางฝ่ายจึงคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอาจเผชิญกับแรงกดดันในระยะสั้น

Picks of the day

BEM BUY

  • คาดจุดต่ำสุดของปีผ่านไปแล้วใน ส.ค.: ตัวเลขผู้ใช้บริการทางด่วนและรถไฟฟ้าเดือน ส.ค. ต่ำสุดของปี แต่หลังจากมีการคลายล็อกดาวน์ 1 ก.ย. เห็นสัญญาณที่ดีจากผู้ใช้บริการฟื้นตัว

• 4Q64 จะฟื้นตัว q-q: เริ่มมีสัญญาณที่ดีหลังจากผู้ใช้บริการฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจทางด่วนท่ีเป็นธุรกิจมีกำไรหลักจากค่าเสื่อมลดลง และจะฟื้นตัวได้เร็วเพื่อรอการฟื้นตัวของ ธุรกิจรถไฟฟ้าที่จะกลับมา

PSL BUY

• ดัชนี BDI กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง: หลัง ปรับตัว ลงมา7วันเรมิ่กลับมาบวกอกีครงั้ในวันพฤหลังพน้ วันแรงงานสหรัฐฯและพายไุ อดา กจิ กรรมขนส่งทาง เรอืดขี น้ึ

• ยังมีมุมมองบวกต่อกำไร 3Q64 จะดีขึ้น q-q และ y-y: จากดัชนี BSI และ BHSI (1 ก.ค.-9 ก.ย.) +32%,+41% q-q และ +239% , +247% y-y ในขณะที่ต้นทุนเริ่มปรับขึ้นไม่มาก คาดกำไรใน 3Q64 จะโตได้ดีทั้ง q-q, y-y และน่าจะต่อเนื่องไปใน 4Q64

- Advertisement -