บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
NAMYONG TERMINAL (NYT) สะดุดชั่วคราว แต่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) 16%
Close Sep 14, 2021 Price (THB) 4.26
12M Target (THB) 5.00
Previous Target (THB) 5.50
What’s new?
- กำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ท่ี 58 ล้านบาท ลดลง 33% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ที่ไตรมาส 2 ของทุกปี จะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำที่สุด แต่เพิ่มสูง YoY จากฐานที่ต่ำผิดปกติในปีก่อน
- แนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 ยังเห็นการเติบโต YoY จากฐานที่ต่ำ แต่เมื่อเทียบ QoQ คาดว่าทรงตัวหรือชะลอเล็กน้อย
Our View
- ผลจากปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเรือที่มีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิมของเรา และต้นทุนค่าสัมปทาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลพนักงานในช่วง COVID-19 ระบาดที่สูงกว่าคาด ทำให้เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ลง 23% เหลือ 293 ล้านบาท (+28%YoY) และปีหน้าลง 18% เหลือ 341 ล้านบาท (+16%YoY)
- ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ท่ี 5.00 บาท
กำไรสุทธิ 2Q64 ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่เพิ่มสูง YoY จากฐานต่ำ
NYT รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 58 ล้านบาท ลดลง 33% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็น Low Season ของการผลิตและส่งออกรถยนต์ แต่เพิ่มขึ้น 57%YoY จากฐานที่ต่ำผิดปกติใน 2Q63 เพราะผลกระทบของ COVID-19 ที่ทำให้ภาคการผลิตหยุดชะงักทั่วโลก
รายได้รวมอยู่ที่ 325 ล้านบาท ลดลง 2%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 36%YoY ตามปริมาณรถยนต์ผ่านท่าที่เพิ่มขึ้น 164%YoY อยู่ที่ 113,374 คัน จากฐานที่ต่ำ เพราะแทบไม่มีรถยนต์ผ่านท่า ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมากจากมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดใน 2Q63 อย่างไรก็ตาม รายได้รวมยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติท่ี 350-370 ล้านบาทต่อไตรมาส เพราะรายได้จากการให้บริการจอดพักรถยนต์ยังอ่อนตังลง ซึ่งอาจต้องรอให้ยอดส่งออกรถยนต์ทั้งระบบกลับเข้าสู่ระดับปกติท่ี 80,000-100,000 คันต่อเดือน
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 42.6% จาก 45.8% ใน 1Q64 และ 43.1% ใน 2Q63 เพราะต้นทุนค่าสัมปทานเพิ่มขึ้น หลังจากต่อสัญญาใหม่กับการท่าเรือตั้งแต่ พ.ค. 64 จนถึง 30 เม.ย. 69 กอปรกับค่าเช่าพื้นท่ีลานพักสินค้าก็ถูกปรับขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
กำไรสุทธิ 1H64 อยู่ที่ 143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%YoY ตามปริมาณรถยนต์ผ่านท่าทั้งส่งออกและนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการฟื้นตัวในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์
แนวโน้ม 3Q64 คาดทรงตัว QoQ แต่โตสูง YoY จากฐานท่ีต่ำ
แนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 คาดอ่อนตัวลง QoQ เพราะยอดส่งออกรถยนต์มีโอกาสชะลอในเดือน ก.ค.-ส.ค.64 จากการปิดโรงงานบางส่วนของ Toyota เพื่อควบคุม COVID-19 ขณะที่การออกมาตรการคุมเข้มของหลายประเทศในเอเชียก็ทำให้การรับมอบรถยนต์ชะลอตัวเช่นกัน นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการดูแลพนักงานเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัยก็เป็นตัวแปรที่กดดันผลประกอบการในระยะสั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบ YoY กำไรสุทธิยังมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องอีกหนึ่งไตรมาส เพราะช่วงเดียวกันของปีก่อนยังเป็นช่วงที่ฐานต่ำผิดปกติ
ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ท่ี 5.00 บาท (จากเดิมใช้ปี 2564 ท่ี 5.50 บาท)
ผลจากแนวโน้มปริมาณรถยนต์ผ่านท่าที่ลดลง และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด ทำให้เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564-2565 ลง 23% และ 18% จากคาดการณ์เดิม เหลือ 293 ล้านบาท (+28% YoY) และ 341 ล้านบาท (+16%YoY) ตามลำดับ โดยปรับลดสมมุติฐานปริมาณรถยนต์ส่งออกปีนี้เหลือ 9.8 แสนคัน จากเดิมที่ 1.05 ล้านคัน และปีหน้าเหลือ 1.02 ล้านคัน จากเดิมที่ 1.05 ล้านคัน พร้อมกันนี้ เราได้ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ลงเหลือ 45% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับ 1H64 และปีหน้าเหลือ 47% (จากเดิมคาด 48% ทั้ง 2 ปี) เพื่อสะท้อนต้นทุนการต่อสัญญาใหม่กับการท่าเรือที่สูงขึ้น ซึ่งผลจากการปรับประมาณการกำไรสุทธิลง และปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 5.00บาท ลดลงจากเดิมที่ 5.50 บาท ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการของ NYT ได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้วใน 2Q64 และที่ราคาเหมาะสมใหม่ยังมี Upside 16% จึงยังแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง–ความต่อเนื่องในสัญญาสัมปทาน (ท่าเรือ A5 หมดอายุ 30เม.ย.69) และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว