ตลาดหุ้นวานน้ี:

SET Index ยังแกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยยังยืนเหนือแนวรับ 1,620 จุดได้ ทำให้มีแรงซื้อกลับและรีบาวน์เล็กน้อย ปิดบวก 4.20 จุด ณ สิ้นวัน หนุนโดย INTUCH MAKRO ที่ปรับขึ้นแรง สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 744 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 667 ลบ. (และ Short Index Future บางๆ)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราประเมิน SET Index ระยะสั้นแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,620-1,640 จุด หลังสามารถยืนแนวรับ 1,620 จุดได้ ระยะสั้นกลุ่มพลังงานคาดยังหนุนดัชนีต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง แรงสะท้อน Supply ที่ตึงตัวขึ้นระยะสั้น ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามยังอยู่ที่ สัปดาห์ซึ่งมีการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง โดยเฉพาะ FED ที่ตลาดประเมินว่าจะมีการพิจารณาลด QE แต่การประกาศใช้จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือน พ.ย. ส่วนในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจน ตลาดยังคาดหวังต่อการคลาย Lockdown เพิ่มเติมในเดือนต.ค.รวมถึงแรงหนุนมาตรการกระตุ้นการทอ่งเที่ยวโค้งสุดท้ายของปี เรามองจังหวะพักตัวของดัชนีเป็นโอกาส “ทยอยสะสม” หุ้นกลับ หลังให้ทำกำไรบางส่วนแล้วที่ 1,650+- จุด ในช่วงก่อนหน้า ระยะกลาง-ยาวยังชอบมองกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ได้แก่ ธนาคาร โรงกลั่น ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว ที่จะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทย

กลยุทธ์ : เน้นเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard และสะสมหุ้นกลับในช่วงตลาดพักตัวบริเวณ 1,620//1,600 จุด

หุ้นเด่นเดือนก.ย.: BDMS, CPALL, CRC, M, TACC

หุ้นเด่นวันนี้: CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 76 บาท
  • คาดกำไรชะลอใน 3Q21 จากการ Lockdown แต่คาดจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแรงใน 4Q21 จากการผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งทำให้ Traffic เข้า 7-11 ดีขึ้น ส่วนการขยาย 7-11 ในกัมพูชาเป็นปัจจัยหนุนระยะยาว
  • ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อดีลปรับโครงสร้าง MAKRO-Lotus’s ซึ่งเป็นการปลดล็อคฐานะทางการเงินของ CPALL ที่ค่อนข้างตึงตัวให้หมดไป และปิดความเสี่ยงเรื่องการเพิ่มทุน
  • แนวรับ 61-62 บาท แนวต้าน 64//66//68 บาท

Fund Flow:

วันนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่อง แต่บางลงเหลือ US$366 ล้าน กระจุตัวที่เกาหลีใต้ US$332 ล้าน ส่วนตลาดอาเซียนผสมผสานโดย ไหลเข้าอินโดนิเซีย แต่ไหลออกจากไทยประเทศละ US$16-20 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนระยะสั้นยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า จากการประชุม FED สัปดาห์หน้าที่คาดยังไม่เริ่มลด QE และรอดูตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐคืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CK ได้แรงหนุนจากเงินลงทุนในบริษัทลูกทั้ง CKP ที่คาดงบ 3Q21 ทำ New High บวกกับ BEM ที่ฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown ต้นเดือนก.ย. นอกจากนี้มี Catalyst ระยะสั้นหนุนจากการขายซองสายสีม่วงใต้และสายสีส้มซึ่ง CK เป็นตัวเต็ง รวมถึงเซ็นรถไฟทางคู่เด่นชัยในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ คาดหนุนให้ Backlog เร่งขึ้นจากปัจจุบัน 2.8 หมื่นลบ. แตะระดับมากกว่าแสนล้านบาทในต้นปีหน้า เราอยู่ระหว่างปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2022 เบื้องต้นที่ 25 บาท แนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick

(+) CKP แนวโน้มกำไร Q21 ในกรอบ 1-1.2 พันลบ. เติบโตเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่จาก High Season โดยปริมาณน้ำที่เข้า NN2 และ XPCL ที่สูงขึ้น ส่วน 4Q21 อ่อนตัวลงบ้าง อย่างไรก็ตามแนวโน้มปี 2022 ยังโดดเด่น เราคาดกำไรปี 2021- 2022 +444% Y-Y และ +40% Y-Y และมีโอกาสได้งานโรงไฟฟ้าพลังงานงานน้ำเพิ่มจากแผน PDP 2022 คงราคาเป้าหมาย 6.60 บาท แนะนา “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(-) NSL คาดกำไร 3Q21 อ่อนลง Q-Q ที่ราว 30-40 ลบ. จาก New High 67 ลบ.ใน 2Q21 มาจาก COVID-19 ที่กระทบหนักในเดือนส.ค.ทั้งด้าน Supply Chain และโรงงานของบริษัท แต่กลับมาฟื้นตัวเดือนก.ย. หลังปัญหา Supply Chain ทยอยคลี่คลาย เราอาจปรับลดกำไรปี 2021 ลง แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2022 ตามเดิม และอยู่ระหว่างปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2022 ขึ้นเป็น 22-23 บาท ระยะสั้นกำไร 3Q21 ไม่สดใส มองจังหวะอ่อนตัวลงหาแนวรับหลัก 19 บาท เป็นโอกาสในการ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 236.82 จุด หรือ 0.68% ปิดท่ี 34,814.39 จุด จากการปรับขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมัน WTI +3% รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เร่งขึ้นเป็น 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 18.0 และจาก 18.3 ในเดือน ส.ค.

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค คณะรัฐมนตรีของสเปนผ่านมาตรการฉุกเฉินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ระดับสูง รวมถึงหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่ถูกกดดัน จากการชะลอลงของตัวเลขภาคการผลิตและค้าปลีกของจีนในเดือน ส.ค.จาก ผลกระทบ COVID-19

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามออสเตรเลียรายงานอัตราว่างานเดือน ส.ค.ในเช้าน้ี

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.87บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น  2.15 ดอลลาร์หรือ 3.1% ปิดที่ 72.61

ดอลลาร/์บารเ์รลหลงัEIAรายงานสตอ็กน้ามนัดบิสหรัฐลดลง6.4ลา้น -1.23 ดอลลาร์/บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 12.3 ดอลลาร์หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 1,794.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นในช่วงก่อนหน้า รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 998.46 / -1.75

- Advertisement -