บล.กรุงไทย ซีมิโก้: 16/09/64

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันน้ี

คาดดัชนีฯ Sideway แนวรับ 1620 / 1615 จุด แนวต้าน 1640 / 1645 จุด แนะนำเก็งกำไร CHAYO KTC ADVANC ทางเทคนิค ดัชนีฯ ต้องยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1630 จุด ถึงจะทำให้แนวโน้มระยะสั้นกลับมาเป็นบวก แต่อย่างไรก็ตาม หากดัชนีฯ อ่อนตัวหลุดจุดต่ำสุด ของเมื่อวานท่ี 1621 จุด จะมีความเสี่ยงท่ีดัชนีฯ จะลงไปที่ 1608 จุด (ค่าเฉลี่ย 25 วัน) ซึ่งสอดคล้องกับแนวรับ Fibonanci ท่ี 1609 / 1585 จุด

ปัจจัยบวก:

1) ราคาน้ำมันดิบท่ียังคงปรับตัวสูงข้ึนอย่างต่อเนื่อง จากท้ังสถานการณ์ภัยธรรมชาติและตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด เป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งมีน้ำหนักต่อดัชนีฯสูง

2) การปรับลดลงของหุ้น DELTA ที่เริ่มชะลอตัว ทำให้ลดแรงกดดันเชิงลบต่อดัชนีฯ

3) ปัจจัยบวกต่อ Domestic ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อท่ีมีแนวโน้มลดลง รวมถึงมาตรการรัฐดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ให้เข้ามาอยู่ในประเทศในลักษณะ long-term stay เพื่อเร่งให้เกิดการใช้จ่ายและการลงทุนมากข้ึน เป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไรหลังจากหุ้นหลายตัวยังคง laggard

ปัจจัยลบ:

1) เศรษฐกิจจีนที่เป็นคู่ค้าสำคัญ มีแนวโน้มเติบโตชะลอตัวกว่าคาด โดยล่าสุดต้องมีการปิดเมืองเซี่ยเหมิน หลังพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 และกรณีของ Evergrande ซึ่งมีแนวโน้มผิดนัดชำระหน้ีเป็นประเด็นลบระยะสั้นต่อตลาดหุ้นทางฝั่งเอเชีย

2) การวิตกต่อผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า อาจมีการลดปริมาณ QE ส่งผลให้ตลาดจะมีแรงขายทำกำไร ออกมาเมื่อตลาดปรับตัวสูงข้ึน จะยังเป็นอุปสรรคในการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดในระยะน้ี

ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตามวันนี้

Global Market Summary: วันทำการท่ีผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ 1621 – 1630 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1628.04 จุด ปรับตัวขึ้น 4.20 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.3 หมื่นล้านบาท นำข้ึนโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +1.64% กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +0.76% กลุ่มพาณิชย์ +0.6% และกลุ่มพลังงาน และสาธารณูปโภค +0.27% หุ้นบวก>4% INTUCH STARK AMATA U MFEC TCC FORTH APURE CKP CHAYO ACC FSMART ITEL T PRIME หุ้นลบ >4 % AQUA CV ICN SYNEX COLOR FSS EMC GEL SPVI GTB SKR HEMP

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก แต่ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์ DJIA +0.68% (+236.82 จุด) S&P500 +0.85% และ NASDAQ +0.82% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งแรง ส่วนหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -1.04% DAX -0.68% FTSE -0.25% นำลงโดยกลุ่มสาธารณูปโภค หลังสเปนประกาศจำกัดราคาก๊าซ เพื่อช่วยประชาชนและกลุ่มสินค้า luxury เพราะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

+/- น้ำมันปิดพุ่งแรง ส่วนทองคำปิดลบ: WTI เพิ่มขึ้น +USD2.15 ปิดท่ี USD72.61/บาร์เรล Brent เพิ่มขึ้น +USD1.86 ปิดท่ี +USD75.46/บาร์เรล หลังจากรายงานสต๊อกน้ำมัน ของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด ส่วนราคาทองคำลดลง -USD12.30 ปิดที่ USD1,794.80/ออนซ์ หลังจาก Bond yield 10 สหรัฐฯ ปรับตัวสูงข้ึน และแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย

ประเด็นสำคัญ

+ USD/THB: ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวานนี้ท่ี 32.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าจาก 32.91 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.85 – 32.98 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับวันนี้คาดกรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.80-33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

+ Oil: EIA สหรัฐฯเปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 6.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล

+ Japan: นายชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าจะสนับสนุนนายทาโร โคโนะ รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการฉีดวัคซีนของญี่ปุ่นในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในวันที่ 29 ก.ย. โดยเป็นการถอนตัวจากการแข่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไปอย่างเป็นทางการ

+ Emerging Market: JP Morgan ปรับมุมมอง overweight หุ้นในกลุ่มประเทศ Emerging Market และญี่ปุ่นจากสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มมีพัฒนาการในเชิงบวก และการเปลี่ยนนายกของญี่ปุ่น โดยแนะนำกลยุทธ์ Buy on dip ในจังหวะที่ตลาดย่อตัว

– USA: กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนีราคานำเข้าลดลง 0.3% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือนสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ก.ค. นอกจากนี้ เฟดรายงานตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5%