OurView? “ผันผวน”

คาดดัชนีกลับมามีความผันผวนจาก

(+) ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.7%MoM สวนทางที่คาดว่าจะลดลง 0.8% และเพิ่มขึ้น 15.1%YoY และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.5%MoM สอดคล้องคาดการณ์

(-) จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ล่าสุดเพิ่มข้ึน 20,000 ราย อยู่ท่ี 332,000 ราย สูงกว่าคาดการณ์ที่ 330,000 ราย และ Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปี ล่าสุด เพิ่มขึ้น 2.07% อยู่ท่ี 1.331% ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆ อาจเผชิญกับต้นทุนท่ีสูงขึ้นจากการชำระหนี้

รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานท่ีอาจถูกขายทำกำไร การส่งออกน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังพายุเฮอริเคนนิโคลัสเคลื่อนตัวผ่านไปแล้ว ส่วนการผลิตในอ่าวเม็กซิโกท่ีปิดทำการอยู่นั้นมีเพียง 28% ซึ่งดีกว่าในช่วงที่ผ่านมาที่การผลิตถูกระงับกว่า 50% ล่าสุดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ทรงตัวท่ีระดับ 72.61 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มข้ึน 0.3% อยู่ที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมแนะติดตามการประชุมเฟด 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ โดยยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ท่ีดีขึ้นตามลำดับ ทั้งจำานวนผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยต่ำกว่า 15,000 คน ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่สูงกว่า 20,000 คน/วัน พร้อมการกระจายและฉีดวัคซีนท่ีเร่งตัว ล่าสุดตัวเลขฉีดวัคซีนเข็ม 1 อยู่ท่ี ประมาณ 40% ของประชากร หรือ 28.52 ล้านคน จากเป้าหมายสิ้นปีน้ีท่ี 50 ล้านคน คาดการกลับมาเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเท่ียวต่างชาติเป็นไปตามแผน โดยเริ่มจาก Phase II และ III ในเดือนตุลาคมน้ี มีแผนขยายพื้นที่รวมอีก 26 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ เลื่อนจาก 1/10/64 เป็น 15/10/64 หลังเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 70% ของประชากรในกรุงเทพฯ) ต่อเนื่องจาก Phuket Sand Box ซึ่งเปิดไปเมื่อ 1/7/64 ที่ผ่านมา คาดช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม Re-opening Theme กลับมาฟื้นตัวได้บ้างใน 4Q/64 พร้อมจับตาเงินบาทท่ีกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง ส่งผลดีต่อหุ้นส่งออก เช่น อิเลคทรอนิกส์ เป็นต้น

แนะติดตาม FTSE Rebalance มีผล ณ ราคาปิดวันน้ี (17/9/64)

“Large Cap Index” หุ้นเข้า ได้แก่ BBL และ KBANK หุ้นออก ได้แก่ BBL-F, BBL-R (NVDR), KBANK-F, KBANK-R (NVDR), AWC, BJC และ DIF

“Mid Cap Index” หุ้นเข้า ได้แก่ AWC, BJC และ DIF หุ้นออก –ไม่มี

“Small Cap Index” หุ้นเข้า ได้แก่ JMART และ STARK หุ้นออก ได้แก่ FTREIT

“Micro Cap Index” หุ้นเข้า ได้แก่ 7UP, AGE, AS, BRR, BYD, CHAYO, CSS, CWT, DUSIT, ETC, FSS, INOX, IRC, JKN, KISS, MDX, MICRO, NWR, OISHI, PRM, PROSPECT, SABUY, SAK, SITHAI, SKN, SVOA และ XPG หุ้นออก ได้แก่ AIMCG, BFIT, BIG, DCC, GRAND, JMART, MJLF, RBF, RCL, SCP, SF และ SPRIME

หุ้นแนะนำวันนี้ “VNG”

หลังผลการดำเนินงานกลับมาเติบโต จากความต้องการที่กลับมา ขณะที่ VNG ขยายกำลังการผลิต MDF รองรับ พร้อมออกผลิตภัณฑ์ HVA เพื่อลดความผันผวนของราคา โดยเฉพาะ PB รวมถึงแผนลดต้นทุนพลังงานต่อเนื่อง และคาดความสามารถในการทำกำไรกลับสู่ระดับปกติ คาดปี’65 กำไรสุทธิ +27% อยู่ที่ 1,214 ล้านบาท พร้อมคาด VNG กลับมาจ่ายปันผล 2 ครั้ง/ปี ประเมินราคาเป้าหมาย (ปี’65) 10.50 บาท อิง PE 15X

- Advertisement -