บล.ฟิลลิป:

อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง – AMANAH กําไร 2Q64 ยังทําสถิติใหม่ได้ต่อ

กำไร 2Q64 ยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง

AMANAH มีกําไรสุทธิ 2Q64 จํานวน 81 ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เป็นไปตามท่ีทางฝ่ายคาดว่า AMANAH จะทํากําไรสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22.9% y-y จากรายได้ทุกประเภทเพิ่มขึ้น ทางด้านรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 5.5%y-y รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 5.4%y-y และรายได้อื่นเพิ่มขึ้นถึง 50.5% y-y นอกจากนี้ในไตรมาสนี้ AMANAH ยังมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 11.3% y-y ค่าใช้จ่ายลดลง 5.4% y-y ถึงแม้ว่าการตั้งสํารองนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 296.1% y-y ก็ตาม เมื่อเทียบกับ 1Q64 ท่ีมีกําไรสุทธิ 79 ล้านบาท กําไรสุทธิ 2Q64 เพิ่มขึ้น 1.6% q-q ยังคงเป็นผลจากรายได้ท่ีปรับเพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1.7% q-q รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 5.4% q-q และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 18.0% q-q ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 1.6% q-q ค่าใช้จ่ายลดลง 4.8% q-q และการตั้งสํารองลดลง 11.2% q-q

กำไร 6M64 เพิ่มขึ้น 15.9% y-y

AMANAH มีกําไร 6M64 อยู่ที่ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6M63 ที่มีกําไร 138 ล้านบาท 15.9% y-y โดยกําไรที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ดอกเบี้ยท่ีเพิ่มขึ้น 1.3%y-y ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง 9.4% y-y จากธุรกรรมท่ีน้อยลง และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 1.9% y-y กําไรท่ีเพิ่มขึ้นใน 6M64 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับลดค่าใช้จ่ายลงมากกว่า โดยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 9.6% y-y ค่าใช้จ่ายลดลง 7.8% y-y และการตั้งสํารองลดลง 21.3% y-y กําไร 6M64 คิดเป็น 49.3% ของประมาณการทั้งปี

สินเช่ือหดตัว แต่ NPL ก็ลดลงด้วย

ใน 2Q64 AMANAH มีสินเชื่อหดตัวลง 1.8% q-q และทําให้สินเชื่อเติบโตจากสิ้นปี 63 เหลือ 1% ytd โดยทาง AMANAH ยังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทําให้ลูกค้าเข้ามาขอสินเช่ือชะลอตัวลงไป ประกอบกับการเร่งติดตามให้ลูกค้ามาชําระหนี้เพื่อป้องกันการเกิด NPL รวมไปถึงการตัดหนี้สูญ ทําให้สินเชื่อหดตัวลง แต่การเร่งให้ลูก ค้ามาชําระหนี้ รวมไปถึงการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID – 19 นอกจากจะทำให้ลูกค้าไม่เป็น NPL แล้ว ยังเป็นการลด NPL ลงได้ด้วย ซึ่งทําให้ NPL ณ สิ้น 2Q64 ลดลงเหลือ 3.6% จาก 4.1% ใน 1Q64

ยังคงเป้าสินเช่ือแม้ว่า 1H64 จะปล่อยได้ค่อนข้างห่างเป้า

ถึงแม้ว่า 2Q64 สินเชื่อของ AMANAH จะหดตัวลงเหลือการเติบโตจากสิ้นปี 63 เพียง 1%ytd แต่ทาง AMANAH ยังคงเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 64 ไว้เช่นเดิมท่ี 1.6 – 2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 25 -30% y-y และทางผู้บริหารยังมั่นใจว่าจะทําได้ตามเป้า โดยสถานการณ์การปล่อยสินเช่ือใน 3Q64 ท่ีดีขึ้น ประกอบกับการออกโปรโมชั่นการหาลูกค้าใหม่ๆ ทําได้ดีขึ้น ซึ่งจะทําให้การปล่อยสินเช่ือใน 2H64 ทําได้ดีกว่า 1H64 อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายยังคงประมาณการการเติบโตของสินเช่ือของ AMANAH ไว้ท่ี 10% ซึ่งเป็นระดับท่ีต่ำกว่าเป้าของทางบริษัท

คงประมาณการกำไร ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 65 ท่ี 6.60 บาท ปรับคำแนะนําขึ้นเป็น “ซื้อ”

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกําไรปี 64 – 65 ของ AMANAH ไว้เช่นเดิม โดยปี 64 คาดว่าจะมีกําไร 324
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% y-y และปี 65 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 417 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.7% y-y
เพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุน ทางฝ่ายได้ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 65 ที่ 6.60 บาท โดยใช้
P/BV 1.9 เท่า (ประเมินโดยใช้ GGM Model ROE ระยะยาว 16.7% COE 11.3%) ในการประเมิน
ราคาพื้นฐาน จากเดิมท่ีใช้ P/BV 1.7 เท่าในการประเมินราคาพื้นฐาน เนื่องจากมองว่าการเติบโตของ
กําไรปี 65 จะสูงกว่าปี 64 อีกทั้งคาดสินเช่ือที่น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ตามฤดูกาล ความยืดหยุ่นท่ีมีจากสํารองส่วนเกินที่มีอยู่ยังทําให้กําไรในไตรมาสต่อๆ ไปน่าจะยังคงทําสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อ นอกจากนี้เมื่อเทียบราคาพื้นฐานใหม่กับราคาหุ้นในปัจจุบันมีส่วนต่างเพิ่มมากขึ้น จึงปรับเพิ่มคําแนะนําขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิมที่แนะนํา “ทยอยซื้อ”

- Advertisement -