‘บมจ.พริมา มารีน’ หรือ (PRM) โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจสุดแข็งแกร่ง หลังรับเรือ Crew Boat จากการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มไทยออยล์ ใช้เวลาเพียง 3 เดือน ดันอัตราการใช้เรือกว่า 90% ภายใต้สัญญาระยะยาว หลังเจาะกลุ่มฐานลูกค้าต่างประเทศและขยายพื้นที่ให้บริการไปยังน่านน้ำในภูมิภาคอาเซียน หนุนธุรกิจ Offshore ก้าวสู่การเป็นธุรกิจหลักที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง รับกิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันกลางทะเลมีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ผนึกความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มไทยออยล์ โดยรับเรือจาก TM ได้แก่ เรือ Crew Boat จำนวน 13 ลำ เข้ามาเสริมพอร์ตกองเรือ ช่วยสนับสนุนความสามารถด้านการให้บริการของกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) ให้แก่กลุ่ม PRM และผลักดันให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฯ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น จากเดิมในช่วงแรกที่รับเรือ Crew Boat ทั้ง 13 ลำ มีอัตราการใช้บริการเรืออยู่ที่ 60% แต่ด้วยความแข็งแกร่งในด้าน Marketing Arm ทำให้บริษัทใช้เวลาเพียง 3 เดือน ในการผลักดันอัตราการใช้เรือ Crew Boat ได้กว่า 90% ในไตรมาส 3/2564 และคาดว่าจะมีการใช้เรือเต็ม 100% ตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป ภายใต้สัญญาระยะยาว ด้วยเรทอัตราค่าบริการที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น หลังประสบความสำเร็จจากการขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ให้บริการไปยังภูมิภาคอาเซียน จากเดิมที่ให้บริการมุ่งเน้นในพื้นที่อ่าวไทย ซึ่งช่วยเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากกลุ่มเรือดังกล่าวครบทั้ง 13 ลำ ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางอุตสาหกรรมและความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น หลังจากกิจกรรมทางทะเลต่อจากนี้จะมีความคึกคักมากขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนจัดหาเรือใหม่เพิ่มเติม เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มธุรกิจ Offshore เพื่อสนับสนุนการเติบโตของสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้ให้มากขึ้น ซึ่งเกณฑ์การตัดสินใจลงทุนนั้น PRM จะดูความเหมาะสมและทิศทางของตลาดอีกครั้งหนึ่ง โดยการจัดหาเรือใหม่เข้ามาให้บริการจะเป็นเรือที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมของโลก
“เราใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็สามารถขยายฐานลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเรือ Crew Boat ได้กว่า 90% ซึ่งช่วยผลักดันให้กลุ่มธุรกิจ Offshore ก้าวขึ้นเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจหลักของ PRM ที่สนับสนุนการเติบโตในปีนี้ สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่สามารถปรับพอร์ตกองเรือให้สอดคล้องกับทิศทางความต้องการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างทันท่วงที และเก็บเกี่ยวรายได้ที่ดีจากความต้องการใช้บริการเรือที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราสามารถผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานได้ในทุกสถานการณ์” นายวิริทธิ์พล กล่าว