แกว่งตัวออกข้าง 1615-1630

ตลาดหุ้นวันนี้

  • แกว่งตัวออกข้าง ระวังปัจจัยภายนอก: เช้านี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1615-1630 จุด โดยสัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญคือ การประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ย. 64 (ตามเวลาสหรัฐ) ที่คาดว่าจะทำให้นักลงทุนทั่วโลกลดสัดส่วนการลงทุน เพื่อรอติดตามท่าทีของ Fed โดยเฉพาะประเด็นการทำ QE Tapering นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนบางส่วนน่าจะกำลังติดตามวิกฤตสภาพคล่องของบริษัทอสังหาฯ Evergrande ของจีนว่าจะกลายเป็น Asia Subprime หรือไม่ ส่วนในประเทศสถานการณ์ COVID-19 ยังทรงตัว ท่ามกลางการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้า 50 ล้านคนในปีนี้ เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาสที่ 4 โดยรวมจึงคาด SETI จะยังไม่สามารถขยับไปไหนได้ไกล และหากปัจจัยภายนอกดูย่ำแย่ลง สัปดาห์นี้อาจปรับลงไปทดสอบ 1600 จุดได้
  • จับตาวิกฤติ Evergrande: บริษัทอสังหาฯ China Evergrande Group ของจีน กำลังเผชิญวิกฤติด้านสภาพคล่อง โดยสัปดาห์นี้จะครบกำหนดการจ่ายดอกเบี้ยของหุ้นกู้ และมีความเป็นไปได้ว่าจะผิดนัดชำระหนี้ ตามการปรับลดอันดับเครดิตของ Fitch Ratings จากระดับ CCC+ ลงเป็นระดับ CC ทั้งน้ี จากข้อมูลล่าสุดพบว่า Evergrande มีหนี้สินรวมประมาณ 1.97 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 3.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นราว 2% ของ GDP ประเทศจีน ที่หากรัฐบาลจีนไม่เข้าแทรกแซงกรณีดังกล่าว อาจส่งผลให้เกิดการล้มครั้งใหญ่ของเศรษฐกิจจีน และเสียงลุกลามเป็น Asia Subprime แม้ว่ากรณีดังกล่าวจะไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง  แต่เป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่อาจส่งแรงกระแทกมาถึง ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจจาก COVID-19 ที่ยังคงทำให้หลายประเทศฟื้นตัวได้ไม่มาก ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินอาจไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าวจากจีน
  • มุมมองประชุม FOMC ครั้งที่ 6: การประชุม FOMC ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ย.64 (ตามเวลาสหรัฐ) คาด Fed คงอตัราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมที่ 0.00-0.25% แต่จุดสำคัญอยู่ที่คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ที่อาจถูกปรับลดลง ในกรณีดีที่สุดใกล้เคียงเดิมเว้นวรรคหลังสหรัฐเผชิญการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ทำให้เศรษฐกิจเริ่มชะลอลง รวมถึงผัง  Dot Plot ของกรรมการ Fed ที่เผยถึงทิศทางการตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐในอนาคต ส่วนการทำ QE Tapering คาดว่ายังไม่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่า Fed จะเปิดเผยแผนการทำ QE Tapering ออกมา และประกาศในการประชุมครั้งหน้า
  • ปัจจัยอื่นน่าติดตามในรอบสัปดาห์: ได้แก่ 1) ตัวเลขส่งออก-นำเข้าของไทยเดือน ส.ค. 64 2) การประชุม BoJ และ BoE และ 3) การเมืองต่างประเทศ: เลือกตั้งท่ัวไปของเยอรมนีและการเลือกตั้งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP ของญี่ปุ่น

Picks of the day

MAJOR BUY

• ภาพยนตร์พร้อมฉาย รอโรงภาพยนตร์เปิด: มีภาพยนตร์ใหญ่จากฮอลลีวูดพร้อมเข้าฉายหลายเรื่อง รอศบค.ให้เปิดโรงภาพยนตร์ คาดจะเปิด 1 ต.ค. ทำให้ 4Q64 จะดีสุดของปี และต่อเนื่องไปปี 2565

• 3Q64 จะบันทึกกำไรพิเศษ และคาดจะมีปัญผล: จะมีการบันทึกกำไรจากการขาย SF เข้ามาใน 3Q64 ที่ 2,824 ลบ. คาดว่าจะมีปันผลระหว่างกาลที่ 1 บาท/หุ้น คิดเป็น DividendYield ที่ 4.7%

TTA BUY

ค่าเฉลี่ย BSI 3Q64 ยังสูงขึ้นทั้ง q-q และ y-y: ดัชนี BSI ซึ่งเป็นขนาดเรือที่ TTA ใช้อ้างอิงใน 3Q64 (1 ก.ค. – 16 ก.ย.) เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 32% q-q และ 240% y-y ทำให้ธุรกิจเดินเรือเป็นกำไรหลักของกลุ่ม

2H64 MML คาดจะพลิกมีกำไร: MML ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ 1H64 รับรู้ขาดทุนที่ 131 ลบ. จะพลิกมีกำไรใน 2H64 จากการรับรู้ Backlog ที่ 72 ล้านดอลลาร์ ทำให้ TTA มีกำไรใน 2H64 ดีกว่า 1H64

- Advertisement -