บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
BANGKOK EXPRESSWAY AND METRO ได้เวลาของการฟื้นตัวแบบ V-Shape
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) 27%
Close Sep 17, 2021 Price (THB) 8.90
12M Target (THB) 11.30
Previous Target (THB) 10.80
What’s new?
- คาดจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าในเดือน ส.ค.2564 เป็นจุดต่ำสุดของปี ขณะท่ีแนวโน้มจำนวนผู้ใช้เดือน ก.ย. ฟื้นตัวเด่น หลังรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์
- เบื้องต้นคาดกำไร 3Q64 ท่ีระดับ 100-150 ลบ. แม้ผลประกอบการหลักถูกกดดันจาก COVID- 19 แต่ได้แรงหนุนจากเงินปันผล TTW
- ปรับลดประมาณการกำไรปี 2564/65 ลง 54% และ 24% ตามลำดับ จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกท่ี 3
Our View
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อม Rollover ราคาเหมาะสม ไปยังช่วงสิ้นปี 2565 ท่ี 11.30 บาท/หุ้น จากแนวโน้มผลประกอบการ 2564 ท่ีกำลังจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2564 และจะฟื้นตัวเด่นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
- Upside Risk ในระยะสั้น-กลาง ที่ยังไม่รวมในประมาณการได้แก่ การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม – ตะวันตก, โครงการสายสีม่วงใต้ และทางด่วน Double deck ในปี 2565
จำนวนผู้ใช้เดือน ส.ค. 2564 คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี
บริษัทรายงานจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าในเดือน ส.ค.2564 ท่ี 5.9 แสนเที่ยว/วัน ลดลง 5.4%MoM และ 48%YoY และ 6.2 หมื่นเที่ยว/วัน ลดลง 19%MoM และ 78%YoY ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการติดเชื้อ COVID-19 ที่เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อกิจกรรมการเดินทาง อย่างไรก็ดี เรามองว่าสถิติการเดินทางทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนส.ค.2564 หลังรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในวันที่ 1 ก.ย. 2564 จำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าในวันที่ 3 ก.ย. 2564 ได้ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 8.1แสนเที่ยว/วัน และ 1.0 แสนเที่ยว/วัน เพิ่มขึ้นกว่า 37% และ 62% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในเดือนส.ค.2564 นอกจากการคลายล็อกดาวน์จะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของผลประกอบการตั้งแต่ช่วง 4Q64 เป็นต้นไป การปูพรมฉีดวัคซีน COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เริ่มทรงตัว คาดเป็นปัจจัยสำคัญต่อการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมในลำดับถัดไป ซึ่งจะส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางฟื้นตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 4Q64
แนวโน้มผลประกอบการหลักใน 3Q64 คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี…แต่ยังมีแรงหนุนจากเงินปันผล
แม้เราคาดจำนวนแนวโน้มผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้า และผลประกอบการจากธุรกิจหลักในช่วง 3Q64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จำกัด แต่จะมีแรงหนุนจากเงินปันผลรับจาก TTW จำนวน 221 ลบ. ทำให้เราคาดกำไรเบื้องต้นท่ีระดับ 100-150 ลบ. อย่างไรก็ดี เราคาดจำนวนผู้ใช้และผลประกอบการจากธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 4Q64 โดยเฉพาะในกรณีท่ีภาครัฐมีแผนจะทยอยประกาศให้โรงเรียนกลับมาเปิดเรียนแบบปกติ (On-Site) ซึ่งเป็นช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงการกลับมาทำงานของพนักงานภาครัฐและเอกชนหากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย
ปรับลดประมาณการปี 2564/65… จากผลกระทบ COVID-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงกว่าคาด
เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ลง 54% และ 24% เป็น 1.0 พันลบ. และ 2.8 พันลบ. ตามลำดับ หลักๆจากการปรับลดสมมติฐานจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าในปี 2564 ดังนี้ 1) ปรับลดคาดการณ์จากจำนวนผู้ใช้ทางด่วน 2564/65 จากเดิมที่ 9.2 แสนเที่ยว/วัน และ 1.1 ล้านเที่ยว/วัน เป็น 8.5 แสนเที่ยว/วัน และ 1.0 ล้านเที่ยว/วัน ตามลำดับ และ 2) ปรับลดคาดการณ์จำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าปี 2564/65 จากเดิมที่ 2.5 แสนเที่ยว/วัน และ 3.6 แสนเท่ียว/วัน เป็น 1.3 แสนเที่ยว/วัน และ 2.6 แสนเท่ียว/วัน ตามลำดับ
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 11.30 บาท จากการ Rollover TP ไปยังสิ้นปี 2565
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 11.30 บาทหุ้น (อิง DCF WACC 5.2%, T.G.2%) จากแนวโน้มผลประกอบการ 2564 ที่กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2564 และจะฟื้นตัวเด่นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป ตามพัฒนาการฉีดวัคซีน COVID-19 ภายในประเทศ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Upside Risk ในระยะสั้น-กลางที่ยังไม่รวมในประมาณการ ได้แก่ 1) การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม -ตะวันตก 2) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษาฎร์บูรณะ) 3) การสร้างและดำเนินงานทางด่วน Double Deck ที่อยู่ระหว่างการศึกษา EIA และ 4) โอกาสในการ Spin-off บริษัท BMN เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) จำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และ 2) การประมูลโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐที่ล่าช้า