FPI ส่งซิกแนวโน้มผลการดำเนินงานโค้งหลังโตต่อเนื่อง หนุนรายได้ปี 64 แตะ 2,100 ล้านบาท ตามเป้า อานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกลับมาฟื้นตัว หลังโควิด-19 คลี่คลาย ดันยอดส่งออกพุ่ง “สมพล ธนาดำรงศักดิ์”โชว์ Backlog แน่นเกือบ 800 ล้านบาท หนุนธุรกิจ “เทิร์นอะราวด์” เต็มรูปแบบ แย้มแผนปี 65 เตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาท ขยายการลงทุน รองรับการเติบโตรอบใหม่
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่กลับมาฟื้นตัว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้ยอดส่งออกไปยังต่างประเทศ ที่คิดเป็นสัดส่วน 80% ของรายได้รวม เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำสัญญาการขนส่งล่วงหน้ากับบริษัทขนส่งทางเรือ รวมทั้งสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยอดขายใน 4 โซนหลัก คือ เอเชียและตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ แอฟริกา และยุโรป กลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น
“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของปีนี้จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ ตามแผนงานที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้รวมจะขยับแตะ 2,100 ล้านบาท เทียบปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,848.58 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งจากโรงงานในประเทศไทยและประเทศอินเดีย ประมาณ 800 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมขยายการลงทุนเพิ่ม เพื่อรองรับการเติบโตรอบใหม่ในปี 2565 หลังจากสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต รองรับความต้องการลูกค้า อีกทั้งยังมั่นใจว่าโรงงานในประเทศอินเดียจะเริ่มเทิร์นอะราวด์ ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 หลังมีออเดอร์ ผลิตจากค่ายรถจักรยานยนต์ EV ในอินเดีย และออเดอร์จากค่ายรถยนต์ ซูซูกิ เข้ามาในเดือนตุลาคม
กรรมการผู้จัดการ FPI กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการขยาย 2 ธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประเภท ดีไซน์รถยนต์ หรือการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะตลาดรถหรู ซึ่งเริ่มมีออเดอร์เข้ามาแล้วจาก ค่ายรถยนต์โฟล์คสวาเกน รวมทั้งรุกธุรกิจให้คำปรึกษาในการด้านพลังงาน และนวัตกรรม เพื่อสร้างความยั่งยืน สามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้ว 2 บริษัท ซึ่งมั่นใจว่าธุรกิจใหม่จะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต