JR ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังสัญญาณดีผลงานโตต่อเนื่อง ทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ตุนไว้แล้วกว่า 5.4 พันล้านบาท ฟากซีอีโอ”จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ” ระบุเดินหน้าประมูลงานใหม่ เน้นงานมาร์จิ้นสูง และเพิ่มสัดส่วนงานขายอุปกรณ์ในระหว่างรอลุ้นรัฐเปิดประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท มั่นใจสนับสนุนอนาคตโตก้าวกระโดด สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 5.4 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ได้อีก 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทฯยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ ส่วนใหญ่จะหันมาเน้นงานโครงการที่มีมาร์จิ้นระดับสูง และยังมีการเพิ่มสัดส่วนของงานขายอุปกรณ์มากขึ้นในระหว่างที่รอการเปิดให้ประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่า กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตได้ในระยะยาว
“แนวโน้มการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีงานในมือรอรับรู้รายได้ไว้แล้ว ขณะที่มีการประมูลงานโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติมต่อเนื่อง ตลอดจนปัจจุบันประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถรักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้เป็นอย่างดี”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังมีแผนการขยายงานด้านวิศวกรรมไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น เช่น การเข้าไปในกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยเป็นงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับโครงการของบริษัทไทยออยล์ ซึ่งบริษัทฯรับงานจากกิจการร่วมค้า Petrofac South East Asia, Saipem Singapore และ Samsung Engineering โดยมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 69.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 258.02% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 19.43 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 650.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143.82% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 266.74 ล้านบาท
ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 124.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315.52 % จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 29.93 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,167.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.50% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 466.03 ล้านบาท