Our View? ” รอฟ้าหลังฝน”

คาดตลาดวันนี้ “แกว่งลงต่อ” มองแนวรับที่บริเวณ 1,600/1,587 และแนวต้านที่บริเวณ 1,610 / 1,620 มองตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ จากความกังวลปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท China Evergrande ที่มีหนี้สินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าราว 2% ของ GDP ของจีน จะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันที่ 23/29 ก.ย. นี้ กระตุ้นความกังวลแนวโน้มการลุกลามของปัญหาหนี้แก่บริษัทอื่นๆ มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้น-กลาง กดดันทิศทางตลาดเงิน-ทุนในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าทางการจีนจะเร่งทยอยอัดฉีดเงินเข้าระบบต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลุกลามของปัญหาดังกล่าว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนเร่ิมอัดฉีดเงิน เข้าสู่ระบบ 9 หมื่นล้านหยวน หรือราว 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่าน reverse repos คาดจะช่วยลดความกังวลดังกล่าวได้บ้างในระยะถัดไป

ผสานกับตลาดยังคงรอดูผลการประชมุ FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันนี้ 21-22 ก.ย. นี้ เพื่อติดตามการส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมทั้งจับตาดู Dotplot หลังการประชุมเพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความกังวลกระแสเงินทุนส่วนเกินไหลออกจากตลาดในภูมิภาคได้เพิ่มเติม กดดันทิศทางตลาดเงินในภูมิภาครวมถึงตลาดหุ้นไทยอ่อนค่าลงได้อีก เป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันการลงทุนได้เช่นกัน

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ เรามีมุมมองทั้งเชิงบวกและลบต่อการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ปรับเพดานหนี้สาธาณะเพิ่มเป็นไม่เกิน 70% จากเดิมไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เรามองจะช่วยเพื่อความยืดหยุ่นในการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะถัดไป เพื่อเยียวยาผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นคาดจะถูกกดดันจากความกังวลในความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับ Rating จากบริษัท Rating โลก คาดจะเป็นปัจจัยกดดันนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนได้บ้างในระยะสั้น

อย่างไรก็ดี เราคาดตลาดจะเริ่มลดความสนใจของตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่แทน และสนใจต่อแผนการเร่งฉีดวัคซีนของภาครัฐโดย สธ. จะเร่งฉีดให้ครอบคลุม 50% ของประชากรอย่างช้าสิ้นเดือน ต.ค. นี้ รวมท้ังแผนการกลับมาเปิดเศรฐกิจเต็มรูปแบบ คาดการกลับมาเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเท่ียวต่างชาติเป็นไปตามแผน โดยเริ่มจาก Phase II และ III ในเดือนตุลาคมนี้ มีแผนขยายพื้นที่รวมอีก 26 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ เลื่อนจาก 1/10/64 เป็น 15/10/64 หลังเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 70% ของประชากรในกรุงเทพฯ) ต่อเนื่องจาก Phuket Sand Box ซึ่งเปิดไปเมื่อ 1/7/64 ที่ผ่านมา คาดช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม Re-opening Theme กลับมาฟื้นตัวได้ใน 4Q/64 รวมทั้งสำนักงานประกันสังคมจะเริ่มโอนเงินตามมาตรการเยียว ม. 40 ตั้งแต่วันที่ 20 – 28 คาดจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในประเทศ ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้บ้าง

ทั้งน้ียังคาดตลาดยังมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากแรงขายกำไร – ลดความเสี่ยงหุ้นที่มีโอกาสถูกปรับเกณฑ์ในการหาหุ้นเข้า SET50 และ SET100 บ้าง หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมท่ีจะพิจารณาทบทวน- ปรับเกณฑ์ดังกล่าวคาดจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

ธีมการลงทุน “SelectivePlay”

หุ้น แนะนำวันนี้ “GFPT”

แนวรับ 13.10 / 12.70 Target 13.80 / 14.60 Stop <12.50

- Advertisement -