Daily View

ตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มมีแนวคิดจะปรับเกณฑ์การทำดัชนีอีกครั้ง หลังหุ้นที่ Free Float สัดส่วนน้อยได้ส่งผลให้ดัชนีมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ข้อมูลล่าสุด ระบุจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่าจะนำ Free Float เข้ามาร่วมคำนวณดัชนีใน ทุกๆดัชนี ดังนั้นหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากเกณฑ์นี้จะได้แก่หุ้นที่มี Free Float สูง อาทิ (BBL BDMS CPALL CPN KBANK MINT SCC) ส่วนหุ้นที่ Free Float ต่ำมีโอกาสถูกลดน้ำหนักลง อาทิ (AOT BJC CBG DELTA GULF GPSC)

ส่วนปัจจัยอื่นๆ เป็นเรื่องของประชุม FED ที่จะทราบผลอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย เบื้องต้นสำรวจความคิดของตลาดผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี การเคลื่อนไหวของ Yield ยังเป็นลักษณะนิ่งๆ (แกว่งออกข้าง) พร้อมกับ Dollar Index ที่แกว่งออกข้าง เช่นกัน เป็นการบ่งชี้ว่าตลาดเชื่อ FED จะแถลงนโยบายคล้ายการประชุม Jackson Hole ดังนั้นหากผลออกมาลักษณะนี้ คาดไม่น่ามีผลใดๆต่อภาพรวมการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากผิดไปจากนี้กล่าวคือ (1) FED ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเร็วกว่าเดิม กรณีนี้อาจกดดันตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐาน รวมถึง SET INDEX มีโอกาสเผชิญจิตวิทยาเชิงลบ แต่ให้น้ำหนักกดดัน SET ระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากสถานะย้อนหลังของต่างชาติต่อ SET ค่อนข้างน้อย โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่อ งบวกต่อกลุ่มส่งออก (2) FED ส่งสัญญาณผ่อนคลายกว่าเดิม กรณีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้น เงินบาทมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่า พร้อมกับอาจมี Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยบ้าง แต่จะเป็นลบกับส่งออก สำหรับความเห็นเราเชื่อ FED จะส่งสัญญาณคล้าย Jackson Hole พร้อมประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1610 – 1620

กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำทยอยสะสม Domestic Play ที่มีปัจจัยบวก ทั้งการติดเชื้อที่ดีขึ้น, คาดหวังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการระยะถัดไป รวมถึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL COM7 HMPRO GLOBAL) ท่องเที่ยว (AOT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) สื่อ (PLANB VGI)

Stock Pick

KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 169 บาท) เก็งกำไรระยะสั้นจากปัจจัยบวก เรื่องของแนวคิด Free Float จากทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน KBANK มี Free Float อยู่ราว 79.6% ขณะที่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานเชื่อว่าผลประกอบการมีโอกาสค่อยๆฟื้นตัวหนุนจากเศรษฐกิจที่จะค่อยๆ ดีขึ้นตามการคลาย Lock Down ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเพียง 0.63x Trailing PBV นับเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 13 ปี

EPG (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 15 บาท) คาดผลประกอบการใน FY2Q22 เติบโต YoY ต่อเนื่อง หนุนโดยรายได้กลุ่มยานยนต์ และฉนวนกันความร้อนที่เติบโต ตามอุปสงค์ในอเมริกาที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังการเปิดเมือง

- Advertisement -