คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

คาดดัชนีฯ Sideway up แนวต้าน 1620 / 1630 จุด แนวรับ 1610 / 1600 จุด แนะนำเก็งกำไร CK PTTEP CRC ทางเทคนิค ระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ หลังปรับข้ึนแรงวานนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพระยะกลางท่ียังอยู่ในช่วงการปรับฐาน คาดว่าจะเป็นปัจจัยกดให้การปรับขึ้นของดัชนีฯ เป็นเพียงชั่วคราว และมีจำกัด ก่อนท่ีจะอ่อนตัวลงไปทดสอบแนวรับ Fibonanci ท่ี 1585 จุด โดยไฮไลท์วันน้ีอยู่ที่การประชุมเฟดคืนน้ี โดยจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น โลก หากเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งลด QE

กลยุทธ์ลงทุน:

แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสเกิด Technical Rebound และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยบวกในวันนี้ 1. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (ราคายัง Laggard ประกอบกับราคาเหล็กที่ร่วงลงมาเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ แนะนำ CK) 2. กลุ่มท่ีได้ประโยชน์จากการรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบโลก หุ้นแนะนำ PTTEP 3. กลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แนะนำ CRC

ปัจจัยบวก:

1) การประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม หลังวานน้ีครม. ไฟเขียว พ.ร.ก.โรคติดต่อ (+หุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นอิงเศรษฐกิจ)

2) Sentiment เชิงบวกจากการคาดว่าผลประชุมเฟดวันนี้ไม่เร่งการทำ QE Tapering และทางการจีนจะไม่ปล่อยให้เกิดการลุกลามของวิกฤติเศรษฐกิจ แม้ Evergrande จะเกิดปัญหาผิดนัดชำระหน้ี

ปัจจัยลบ:

1) ตลาดยังคงรอคอยผลการประชุม FOMC ที่จะมีข้ึนในคืนน้ี เพื่อดูความชัดเจนเกี่ยวกับ QE Tapering แม้จะมีการคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะเริ่มส่งสัญญาณการลดวงเงินซื้อพันธบัตรในเดือน พ.ย. แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลว่าจะมี Negative Surprise ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังคงเลือกที่ wait and see จนกระทั่งมีความชัดเจนออกมา

2) OECD เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว แต่ยังคงขยายตัวอย่างไม่เต็มที่นัก เพราะการกระจายวัคซีนท่ียังไม่ท่ัวถึง โดยเฉพาะประเทศ Emerging Market

ประเด็นอื่นๆ ท่ีต้องติดตาม

  • Opportunity Day วันนี้ ได้แก่ GFPT MSC NNCL DITTO DEMCO TKT
  • จีนประกาศดอกเบี้ยนโนบายของทางจีน โดยมีการประกาศ Loan Prime Rate 1 ปี และ 5 ปี คาดว่าจะคงไปที่ 3.85% และ 4.65% ตามลำดับ
  • สหรฐัฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยอดขายบ้านมือสอง ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลง และตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบ ซึ่งคาดว่าจะลดลงประมาณ 6 ล้านบาร์เรล
  • การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) คืนนี้ โดยตลาดจับตาดูเกี่ยวกับการส่งสัญญาณ QE Tapering ว่า จะมีออกมาในรอบนี้หรือไม่

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ดัชนีฯ อ่อนตัวลงในช่วงเปิดตลาด ก่อนที่จะดีดตัวกลับข้ึนมายืนในแดนบวกได้ตลอดช่วงที่เหลือของการซื้อขาย และมาปิดตลาดที่ 1614.86 จุด +11.80 จุด วอลุ่มซื้อขาย 8.39 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มธนาคาร +2.71% กลุ่มเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร +1.74% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ +1.45% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +1.08% หุ้นบวก >4% SCB EE RPC ICN RBF INSET IRCP ITEL TCC BLA SMART TMC KISS BBIK GJS MILL CMC หุ้นลบ>4% DELTA UKEM ACAP TWZ TRC

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนยุโรปปิดบวก: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ โดยตลาดยังกังวลต่อผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande และการเตรียมขึ้นภาษีนิติบุคคลของสหรัฐฯ รวมถึงรอความชัดเจนของผลประชุมเฟดวันน้ี ส่งผลให้ DJIA -0.15% (-50.63จุด) S&P500 -0.08% แต่ NASDAQ +0.22% ส่วนตลาดห้นุยุโรปกลับมาปิดบวก CAC40 +1.50% DAX +1.43% FTSE +1.12% จากแรงซื้อคืน หลังร่วงแรงรอบสองเดือน นำขึ้นโดยกลุ่มท่องเที่ยว เหมืองแร่ และพลังงาน

+ ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ ปิดท่ี USD70.49/บาร์เรล Brent เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ปิดที่ USD74.36/บารเ์รล คาดสหรฐัฯรายงานสต๊อกน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ส่วนทองคำขึ้นต่อเนื่อง +USD14.40 ปิดที่ USD1, 778.20/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากอ่อนค่าของ USD

ประเด็นสำคัญ

+/- USD/THB: เงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเล็กน้อยจากวันทำการก่อนหน้า สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในภูมิภาค ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.30-33.50บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

+ Thailand: ครม. เห็นชอบวาระสำคัญของรัฐบาล ด้วยการยกร่างพ.ร.ก.ควบคุมโรค โดยจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. 2021 ซึ่งจะส่งผลให้ถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ และยังทำให้ศบค. ซึ่งตั้งข้ึนโดยอาศัยอำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องมีอันสิ้นสภาพไป

+ Japan: รัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่ารัฐสภาญี่ปุ่นจะเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ ในการประชุมรอบพิเศษ ซึ่งหมายความว่าการเลือกตั้งท่ัวไปมีแนวโน้มจะมีขึ้นในเดือน พ.ย. โดยคาดว่ากำหนดการต่างๆ ท่ีน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด 2 แบบ คือ เริ่มการหาเสียงเลือกตั้งในวันท่ี 26 ต.ค. เพื่อเลือกต้ังในวันที่ 7 พ.ย.หรือหาเสียงเลือกต้ังในวันท่ี 2พ.ย.และเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.

– Evergrande: เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) คาดว่าบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป มีแนวโน้มท่ีจะผิดนัดชำระหนี้ และเช่ือว่ารัฐบาลจีนจะไม่ให้การสนับสนุนโดยตรงแก่เอเวอร์แกรนด์ แม้นักลงทุนมีความวิตกเพิ่มมากข้ึนว่า เอเวอร์แกรนด์อาจจะผิดนัดชำระหนี้การจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวด ในเดือนน้ี

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

Derivatives: Wait&see หลังจากปิด Short ล็อกกำไรไปแล้วเมื่อวาน

- Advertisement -