บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
THAI NAKARIN HOSPITAL กำไร 4Q64 โดดเด่นจากรายได้ COVID-19…ปี 65 ยังดีต่อ
Action
BUY (Upgrade)
TP upside (downside) 16%
Close Sep 21, 2021 Price (THB) 32.50
12M Target (THB) 37.60
Previous Target (THB) 34.20
What’s new?
- TNH รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ท่ี 119 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 118%QoQ และ 118% YoY) จากฐานต่ำ และยังมีรายได้หนุนจากการตรวจ COVID-19
- แนวโน้มปี 65 ยังเติบโตต่อเนื่อง ฐานกำไรสู่ระดับปกติ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นจากเดิม 10% จากประสิทธิภาพในการทำกำไรที่ดีกว่าคาด
- แผนขยาย TNH2 ล่าช้าออกไป 1 ปี
Our View
- เราปรับคำแนะนำจาก “เก็งกำไร” เป็น “ซื้อ” จากแนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่อง และดีกว่าที่เราคาดไว้
- เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานจากเดิมท่ี 34.20 บาท เป็น 37.60 บาท สะท้อนการปรับประมาณการกำไร และปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานเป็นปี 2565 อิงวิธี DCF ท่ี WACC 7.5%
กำไร 4Q64 เติบโตโดดเด่น 118%QoQ, 118%YoY
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q64 (สิ้นสุด 30 ก.ค. 64) ท่ี 119 ล้านบาท (+118%QoQ , +118%YoY) โดยรายได้ปรับเพิ่มขึ้นโดดเด่น 33%QoQ และ 33%YoY เป็น 607 ล้านบาท แม้จะมีการระบาดของ COVID-19 ระลอก 4 ที่รุนแรง และมีการ lockdown ในเดือนก.ค.64 แต่บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มรายได้จากการให้บริการเก่ียวกับ COVID-19 มาตั้งแต่ไตรมาสก่อน ซึ่งมีรายได้จากการบริการตรวจเชื้อ บริการตรวจแลปสำหรับ COVID-19 รวมถึงรายได้จากการให้บริการสถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospital) โดยร่วมกับพันธมิตรโรงแรม 2 แห่ง ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จาก 1) ผลของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าต้นทุน 2) ผลของสัดส่วนรายได้จากบริการตรวจ COVID-19 และบริการรักษาโรคเฉพาะทางที่มีมาร์จี้นสูง มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่บริษัทมีการเปิดศูนย์เฉพาะทางแห่งใหม่ คือ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และศูนย์ปลาครบวงจรตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ผู้ใช้บริการเพิ่ม โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มจาก 3Q64 และ 4Q63 ท่ี 23.7% และ 22.9% เป็น 32.5% โดยกำไรงวดปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้น 15%YoY เป็น 293 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการของเรา 9% จากรายได้ที่เกี่ยวกับ COVID-19 มีรายได้สูงกว่าที่คาดไว้
แนวโน้มปี 2565 กำไรจะกลับสู่ฐูานปกติ
เราคาดปี 2565 ผลประกอบการเติบโต 10%YoY เป็น 323 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงฐานกำไรปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 จะเริ่มคลี่คลาย รายได้จากการให้บริการเก่ียวกับ COVID-19 จะลดลง แต่รายได้จากกลุ่มลูกค้าเงินสดที่เข้าการรักษาโรคปกติจะเพิ่มขึ้น และบริษัทมีแผนเพิ่มศูนย์เฉพาะทางอีก 2 แห่ง คือ ศูนย์ผ่าตัดแผลเล็ก ศูนย์โรคมะเร็ง และศูนย์กลางในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพ หรือ Wellness center คาดแนวโน้มรายได้ปี 2565 เติบโต 5%YoY เป็น 2,146 ล้านบาท อนุรักษ์นิยมกว่าเป้าของบริษัทท่ีคาดเติบโต 10%YoY ทั้งนี้ เรามีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 – 2566 ท่ี 10% และ 11% จากเดิมสะท้อนประสิทธิภาพในการทำกำไรที่ดีกว่าคาด
แผนขยาย TNH2 คาดล่าช้าจากเดิม
คาดแผนในการเปิดโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 (TNH2) จะล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมออกไปราว 1ปี จากเดิมท่ีคาดว่าจะเร่ิมก่อสร้างในปี 2565 เป็นปลายปี 2566 เนื่องจากบริษัทมีความกังวลเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งยังคงแพร่ระบาด แต่บรรเทาความรุนแรงลง และเศรษฐกิจท่ีคาดยังไม่ฟื้นตัวเต็มท่ี (แผนสร้างโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 จะช่วยเพิ่มผู้ป่วย OPD จากเดิม 2,000 คนต่อวัน เป็น 3,000 คนต่อวัน และการให้บริการ IPD จากเดิม 190 เตียงต่อวัน ไปเป็น 300 เตียงต่อวัร) ซึ่งบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ช่วง 2 ปีข้างหน้ามาเน้นการเพิ่มรายได้จากการเปิดศูนย์เฉพาะทางแห่งใหม่ โดยการเปิดศูนย์เฉพาะทางแห่งใหม่ 3 ศูนย์ คาดเพิ่มรายได้ในปี 2565 และปี 2566 ท่ี 17 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนการเลื่อนแผนก่อสร้าง TNH มีผลให้ต้นทุน SG&A ลดลงจากประมาณการเดิม 11% และ 10% ในปี 2565 และปี 2566 จากเดิมมีค่าใช้จ่ายดำเนินงาน และเตรียมเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับ
ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
เราคาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2565 การเลื่อนแผนก่อสร้าง TNH2 เรามองเป็นเรื่องดี ที่ไม่ต้องเพิ่มภาระต้นทุน สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่คาดว่ายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เราปรับมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 34.20 บาท เป็น 37.60 บาท สะท้อนการปรับประมาณการกำไรและปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานเป็นปี 2565 อิงวิธี DCF (สมมติฐาน WACC ท่ี 7.5% และ LT growth ท่ี 1%) ล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดปี 2564 ท่ี 0.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 1.5% (XD 26 พ.ย.64)