Sideways 1610-1630

ตลาดหุ้นวันนี้

  • Sideways: คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวออกข้างระหว่าง 1610-1630 จุด ท่ามกลางการหักล้างระหว่างปัจจัยบวกและลบ หลังผลการประชุม FED วานนี้ยังไม่เร่งลดวงเงิน QE แต่จะทำภายในปีนี้แน่นอน ขณะที่ประเด็นวิกฤตนี้ Evergrande ยังคงต้องจับตาพัฒนาการที่จะส่งผลกระทบในระยะสั้น จากการครบกำหนดชำระหนี้ในช่วงนี้ กอปรกับตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว จึงคาดนักลงทุนส่วนใหญ่จะเพิ่มความระมัดระวังในการเก็งกำไร และอาจมีการขายลดความเสี่ยงบางส่วนจนกว่าจะเห็นความชัดเจน ประเด็นหุ้นกู้ Evergrande ในสัป ดาห์หน้าทำให้ SETI ยังไม่น่าขยับไปไหนได้ไกล
  • FED ยังไม่ลดวงเงิน QE แต่เผยว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวดี การทำ QE จะสิ้นสุดลงในกลางปีหน้า: วานนี้ FED มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกลับคงวงเงิน QE ไว้ตามเดิม แต่ส่งสัญญาณว่าจะเริ่มลดวงเงิน QE ในเร็วๆ น้ี และหากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวดีต่อเนื่อง FED จะค่อยๆ ลดวงเงิน QE จนไปสิ้นสุดในช่วงกลางปี 65 ส่วน FOMC Dot Plot ชี้ให้เห็นว่ากรรมการ FED ส่วนใหญ่มองว่าจะมีการปรับดอกเบี้ย นโยบายขึ้นหนึ่งครั้งในปี 65 ต่างจากการประชุมในรอบมิ.ย.ที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วสุดในปี 66
  • Evergrande ยืนยันจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ในประเทศ แต่ดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศยังไม่มีความชัดเจน: ทางฝ่ายแนะนำให้ติดตามปัจจัยนี้อย่างใกล้ชิด อาจกดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในระยะสั้น แม้ว่าวานนี้บริษัท Evergrande จะออกมายืนยันต่อตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น ว่าบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการจ่ายชำระหน้ีดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้กับเจ้าหนี้ในประเทศเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีรายละเอียดว่าดอกเบี้ยที่บริษัทจะชำระนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ และจะชำระเมื่อใด ซึ่งดอกเบี้ยก้อนดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 35.9 ล้านดอลลาร์สรอ. ซึ่งครบกำหนดวันนี้ อย่างไรก็ตามบริษัท Evergrande ยังมีดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศที่ต้องชำระอีกกว่า 83.5 ล้านดอลลาร์สรอ.ที่ครบกำหนดในวันนี้เช่นกัน ขณะที่ในสัปดาห์หน้ายังมีดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศที่เข้าคิวการชำระอีก 47.5 ล้านดอลลาร์สรอ. โดยล่าสุดบริษัทยังไม่มีการพูดถึงหุ้นกู้ต่างประเทศทั้งสองชุด
  • อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนเผยวิกฤตินี้ Evergrande จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินไม่มาก: แม้วิกฤตครั้งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโต GDP ของจีน เพราะภาคอสังหาฯ ถือเป็นสัดส่วนหลักต่อ GDP จีน หากแต่ผลกระทบต่อระบบการเงินจะมีไม่มาก เนื่องจากไม่มีการใช้เครื่องมือตราสารอนุพันธ์มาเกี่ยวข้อง สอดคล้องกับความเห็นนักวิเคราะห์ในต่างประเทศว่า วิกฤตินี้ในรอบนี้จะไม่ส่งผลกระทบในวงกว้างเหมือนกับวิกฤติ Lehman Brothers ในปี 2551 เนื่องจากสินทรัพย์ในมือของบริษัทส่วนใหญ่คือที่ดิน ขณะที่ Lehman Brothers ถือสินทรัพย์ทางการเงินเป็นหลัก ผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบการเงินจึงมีความรุนแรงต่างกัน โดยสรุป ทางสายคาดว่านักลงทุนอาจใครกังวลได้บางส่วน แต่ความจริงที่บริษัทอาจผิดนัดชำระหนี้ยังมีแนวโน้มที่จะปกคลุมสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกต่อในระยะสั้น

Picks of the day

CPN BUY

• ขานรับคลายล็อกดาวน์: คาด CPN จะได้แรงบวกจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ที่หนุนการกลับมาเปิดศูนย์การค้า อีกครั้ง บวกกับ Traffic คนเดินห้างที่มากขึ้น ขณะที่ส่วนลดให้กับผู้เช่าก็คาดลดลง

• สะสมรอปรับตัวขึ้น: ราคาสะสมในกรอบแคบๆ เหนือเส้น EMA200 และกลุ่มเส้น EMA เรียงกันเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงเป็นจังหวะซื้อสะสมเพื่อรอการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

TU BUY

• ปลดล็อคสินทรัพย์เตรียมเข้าตลาดฯ: TU ปรับโครงสร้างภายในเพื่อเตรียมนำ บ. เข้าตลาด เร็วสุดจะมี TFM ซึ่งทำให้มีกำไรจากการขายเงินลงทุนครั้งน้ี และในอนาคตเตรียมนำ บ.ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าตลาดฯ ปลดล็อกสิน ทรัพย์ที่ดีและมีมูลค่า

• ลงทุนใน RBF 10%: เข้าลงทุนใน RBF 10% แม้ว่าจะไม่มีการรวมงบเข้ามา แต่จะช่วยต่อยอดธุรกิจทั้งของ TU และ RBF ที่จะจับมือร่วมกันขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศมาเติมเต็มกันและกัน

- Advertisement -