สรุปภาวะตลาด

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวบวกในช่วงเช้า แต่มีแรงขายเข้ามาในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีปรับตัวลงในแดนลบ จากแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากที่ปรับตัวข้ึนมามาก ได้แก่ หุ้น SCB, BAY, KBANK และยังมีปัจจัยลบจากการที่ World Bank ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยเหลือโต 1% จากเดิม 2.2% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,616.50 จุด -3.52 จุด -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 98,947 ลบ. ต่างชาติ +3,335.64 ลบ. TFEX +19,181 สัญญา ตราสารหนี้ -1,835.95 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ประกาศว่าเริ่มฉีดวัคซีนให้คนไข้รายแรกในการทดลองวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้ว โดยเป็นวัคซีนท่ีพัฒนาด้วยเทคโนโลยี mRNA เช่นเดียวกันกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์ท่ีพัฒนาร่วมกับไบออนเทค

+ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) กล่าวว่า จีนมีทุนสำรองและเครื่องมือด้านนโยบายที่เพียงพอในการป้องกันไม่ให้การผิดนัดชำระหน้ีของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ส่งผลกระทบจนกลายเป็นวิกฤตการเงินโลก

+ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวต่อสภาคองเกรสว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ห่างไกลจากการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

+ ธปท.เล็งออกมาตรการรวมหนี้ข้ามแบงก์คาดเร่ิม ต.ค. หวังลดภาระดอกเบี้ยลูกหน้ี

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันน้ี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 10,414 ราย มีผู้เสียชีวิต 122 ราย รักษาหาย 11,580 ราย

ปัจจัยลบ

– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 569.38 จุด -1.63 หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และกังวลภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ รวมทั้งความขัดแย้งในสภาคองเกรส เกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 16 เซนต์ -0.2% ปิดท่ี 75.29 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 ต.ค.

-โกลด์แมนแซคส์ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปี 2564 ลงสู่ระดับ 7.8% จากระดับ 8.2% โดยระบุว่า ปัญหาขาดแคลนพลังงาน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงอย่างมาก มีแรงกดดันให้เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง

– วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตต์ กล่าวโจมตีนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดว่าเป็นบุคคลอันตรายที่บ่อนทำลายระบบธนาคารสหรัฐ และตนจะขัดขวางมิให้นายพาวเวลได้รับการแต่งต้ังเป็นประธานเฟดอีกสมัยหน่ึง

-สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นท่ีจังหวัดในประเทศไทย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,622 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

เราเท่ียวด้วยกันเฟส 3-ทัวร์เท่ียวไทย : AOT MINT ERW CENTEL ASAP
ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นเป็นบวกต่อ : TOP SPRC PTTGC
ศบค. ผ่อนคลายเปิดโรงหนัง-ปรับเวลาเคอร์ฟิว-เวลาเปิดร้านอาหาร : MAJOR AU ZEN M CPALL

หุ้นรายงานพิเศษ

NCL – “มุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 64”

  • รายงานรายได้ใน 2Q64 ที่ 354 ลบ. +69%YoY, +4%QoQ จากค่าระวางเรือที่เพิ่มสูงข้ึน มี %GPM ที่ 17.6% เทียบกับ 13.9% ใน 2Q63 และ 19.3% ใน 1Q64 โดย %GPM ท่ีลดลง QoQ เป็นผลจากการปรับลดค่าบริการให้ลูกค้า หลังอัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นแรง ขณะที่ %SG&A เท่ากับ 13% ดีขึ้นทั้ง QoQ, YoY เทียบกับ 13.9% ใน 1Q64 และ 28.6% ใน 2Q63 จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ส่งผลให้มีกำไร 2Q64 ท่ี 18.8 ลบ. พลิกจากขาดทุน 18.16 ใน 2Q63 แต่ -8.9%QoQ โดยในช่วง 1H64 บริษัทมีกำไรท่ี 38.9 ลบ +306%YoY
  • คาดผลการดำเนินงานในปี 64 ทำระดับสูงสุดใหม่ และเติบโตต่อเนื่องในปี 65 โดยมีปัจจัยเติบโตจากความต้องการขนส่งสินค้าท่ีอยู่ในระดับสูง และค่าระวางเรือที่ทรงตัวในระดับสูง นอกจากนี้บริษัทยังมี upside เพิ่มเติมจาก ธุรกิจกัญชง กัญชา โดยร่วมมือกับบริษัท UREKA และ ม.เกษตร ซึ่งสามารถทำผลิตภัณฑ์ได้ทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ และปลายน้ำ (คาดเฟสแรกจะดำเนินการปลูกราวประมาณ 1 พัน ไร่ ในปี 2565 และจะปลูกเต็มพื้นที่ 2 พันไร่ ภายใน 2-3 ปี (ที่มา:ทันหุ้น))
  • ความเห็น แม้เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 64 ท่ีคาดว่าจะทำ New High แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น 407% YTD ประกอบกับ P/E ที่ระดับ 53 เท่า สูงกว่ากลุ่มซึ่งอยู่ที่ระดับ 30 เท่า เราจึงแนะนำเพียง เก็งกำไร

หุ้นมีข่าว

(+) GLOCON (Bloomberg Consensus – บาท) คงเป้ารายได้ปีน้ีเติบโตท่ี 2,080 ล้านบาท หรือเติบโต 35% ชูอาหารแปรรูปแช่แข็ง และอาหารกึ่งสาเร็จรูปพร้อมทาน และผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนพืช ที่มียอดขายโตต่อเนื่อง เตรียมขยายตลาดยุโรปและสหรัฐเพิ่ม ขณะที่คาดเริ่มรับรู้รายได้ จากเครื่องดื่มกัญชงไตรมาส 4/2564 นี้ ส่วนปี 2565 วางเป้ารายได้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JWD (Bloomberg Consensus 19.30 บาท) JWD ผนึกสตาร์ทอัพไทย My Cloud Fulfillment รุกสู่ธุรกิจ “คลังสินค้า Fulfillment” รองรับผู้ค้าขายออนไลน์เปิดบริการในย่านมีนบุรี ให้บริการจัดเก็บ แพ็กสินค้า และจัดส่งครบในที่เดียว เชื่อมต่อทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ และการทำ Data Mining คาดปี 2566 มีผู้ใช้บริการเต็ม สามารถสร้างรายได้แตะ 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SA (Bloomberg Consensus 15.00 บาท) “ไซมิส แอสเสท” จับมือกับ Bitkub รับแลกเงินสกุลดิจิทัล เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการซื้อบ้าน-คอนโดฯ ให้กับลูกค้าทุกโครงการ เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม New Gen มากขึ้น คาดเปิดให้บริการได้ภายใน 1 ต.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) FORTH (Bloomberg Consensus 22.00 บาท) AOT ร่วมทุน FORTH ต้ังบริษัทร่วมทุน “FORTH MRO” ลุยโรงซ่อมเครื่องบินพื้นที่คลังสินค้า 3 สนามบินดอนเมือง ลุยก่อสร้างปลายปีน้ี คาดเปิดดำเนินการไตรมาส 3 ปีหน้า ฟาก “นิตินัย” ยันไม่ได้บีบ THAI ออกจากพื้นที่ศูนย์ซ่อมสนามบินดอนเมือง แต่จำเป็นต้องส่งหนังสือแจ้งเตือน เหตุ THAI ไม่ยอมต่อสัญญา และไม่ชำระค่าตอบแทนมาตั้งแต่ปี 55 กระทบ AOT ต้องจ่ายผลตอบแทน 3,800 ล้านบาทให้กรมธนารักษ์แทน (ท่ีมา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

29 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ครั้งท่ี 6/2564 สศอ. แถลงกับดัชนีอุตสาหกรรม

สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย จัดสัมมนาวิชาการประจำปี (BOT Symposium
2021)

1 พ.ย.ศบค. ให้เปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเพิ่ม 10 จังหวัด รวม กทม.

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

29 ก.ย.อียูรายงานความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.

สหรัฐเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านหรือปิดการขายเดือน ส.ค. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA

30 ก.ย. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต -ภาคบริการ เดือนก.ย. จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย.จากไฉซิน

อียูเปิดเผยอัตราว่างงานเดือน ส.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวน ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ GDP 2Q64

สภาผู้แทนราษฎรฯ จะลงมติเพื่อผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์

4 ต.ค. การประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของโอเปกพลัส

2-3 พ.ย.สหรัฐประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC)

- Advertisement -