ตลาดหุ้นวานน้ี:

SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยปิดลบเล็กน้อย 3.52 จุด โดยตลาดจับตาดูสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะลุกลามหรือไม่ ทำให้ยังมีแรงขายหุ้นในหลายๆกลุ่ม ขณะที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีประคองตลาดตามคาด โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น และเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ลากยาว สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นสูงถึง 3.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 3.3 พันลบ.(แลพลิกมา Long Index Future 1.9 หมื่นสัญ ญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราประเมิน SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,605-1,620 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนัก จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่คาดอยู่ในระดับสูง และนานกว่าคาด จากถ้อยแถลงของประธาน FED ทำให้ตลาดมองว่ามีโอกาสที่ FED อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมิน ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯพุ่งขึ้นแตะ 1.55% สูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนอายุ 2 ปี พุ่งเป็น 0.31% สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.20 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ความน่าสนใจของหุ้นน้อยลงจาก Earning Yield Gap ที่แคบลง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้น PE สูง ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Value Play คาดยังประคองตลาด ส่วนปัจจัยสำคัญวันนี้คือการประชุม กนง. ซึ่งคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยท่ี 0.5% และยังไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเหมือนสหรัฐฯ รวมถึงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะรุนแรงหรือไม่ กลยุทธ์ยังมองจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงหาระดับ 1,600 จุด หรือต่ำกว่าเป็นจังหวะ “ทยอยสะสม” หุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ ซึ่งจะได้อานิสงส์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 4Q21-2022

กลยุทธ์: เน้นเก็งกำไรหุ้น Value Play และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,600 จุด หรือต่ำกว่า หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, CRC, M, TACC

หุ้นเด่นวันนี้: ORI

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 13 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 2H21 คาดเร่งขึ้นทั้ง H-H และ Y-Y จากโครงการใหม่สร้างเสร็จอีก 4 โครงการ แม้การปิดแคมป์จะกระทบบ้าง แต่คาดเริ่มโอนได้ 2 โครงการในเดือน ก.ย. โดย ORI มีสต๊อกคอนโดพร้อมโอนกว่า 1 หมื่นลบ.
  • ระยะยาวได้แรงหนุนจากการทำ JV ร่วมกับ Partner อุตสาหกรรมอื่นๆ ให้เกิด Synergy และเพิ่มรายได้ประจำ และมี Catalyst จากการ Spin-Off บริทาเนีย และให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้น ORI จองซื้อ
  • แนวรับ 9.60 บาท แนวต้าน 10//10.40 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$611 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$614 ล้าน และ US$169 ล้าน ตามลำดับ แต่ลายเข้าตลาดอาเซียนนำโดยไทย US$99 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อาจสูงและนานกว่าคาด ทำให้เริ่มมีคาดการณ์ว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมิน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) ประชุมกนง.วันน้ี เราคาดยังคงอัตราดอกเบี้ย 0.5% อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าจะมีเสียงแตกมากกว่าการประชุมครั้งล่าสุดที่ 4 ต่อ 2 เสียงหรือไม่ ที่มีกรรมการบางท่านเสนอให้ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และรองรับแนวโน้มเสี่ยงสูง นอกจากนี้ให้ติดตามรายละเอียดประมาณการ GDP ที่มีการปรับลงในครั้งก่อนเหลือ +0.7% อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยโดยรวมคาดทยอยฟื้นตัวตามการคลาย Lockdown และคาดหวังนโยบายการคลังกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

(+) กลุ่มรับเหมาฯ รฟม.เผยแพร่ TOR รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ครั้งที่ 2 และให้แสดงความเห็นถึง 4 ต.ค. วงเงินก่อสร้าง 7.8 หมื่นลบ.แบ่งเป็น 6 สัญญา คาดกำหนดขายซอง ต.ค.-พ.ย.21 ยื่นซองภายใน พ.ย.21 เป็นปัจจัยบวกต่อทั้งผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาฐานราก CK เป็นตัวเต็งที่จะได้งาน เพราะมีเป็นงานใต้ดิน 4 ใน 6 สัญญา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ เราให้ราคาเป้าหมายปี 2022 ท่ี 25 บาท แนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick

(+) APCS คาดกำไร 3Q21 โตแรง +40%Q-Q, +70%Y-Y จากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความแม่นยำสูง ที่มีคำสั่งซื้อสูงขึ้น และชดเชยธุรกิจ EPC ถูกกระทบจากการ Lockdown ระยะสั้น ทำให้ภาพรวมกำไรดูดีกว่าที่เคยประเมิน เราจึงปรับกำไรปี 2021 ขึ้นเป็น +1,812% Y-Y และคาดกำไรปี 2022 โตต่อ +15% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2022 ท่ี 8.20 บาท แนะนำ“ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 569.38 จุด หรือ 1.63% ปิดที่ 34,299.99 จุด หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับขึ้นเป็น 1.54% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. กดดันโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม เทคโนโลยี รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และความขัดแย้งในสภาคองเกรส เกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ขณะที่มีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ปรับลงเป็น 109.3 ในเดือนก.ย.จาก 115.2 ในเดือน ส.ค.และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 114.5

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐ กระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงผลกำไรของบริษัทด้านอุตสาหกรรมของจีนในเดือนส.ค.ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวเป็นเดือนท่ี 6

(-) ตลาดเอเชียปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ จากแรงขายหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับขึ้น

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดท่ี 75.29 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการแข็งค่าของสกุล เงินดอลลาร์ และแรงขายทำกำไร หลังจากปรับขึ้นติดต่อกัน 5 วัน ขณะที่ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบวันน้ี ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 14.5 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 1,737.5 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่า ของสกุลเงินดอลลาร์และการขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 990.03 / -0.29

- Advertisement -