ลุ้นทางขึ้น 1595-1615

ตลาดหุ้นวันนี้

  • ลุ้นทางขึ้น: ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นฟื้นตัวตาม Sentiment ของตลาดต่างประเทศ โดยคาด SET Index จะแกว่งตัวอิงทางขึ้นในกรอบระหว่าง 1595-1615 จุด ลุ้นไม่ให้ปิดต่ำกว่า 1600 จุด ยังมีโอกาสกลับตัวขึ้นได้ เมื่อปัจจัยลบต่างๆ คลี่คลาย สำหรับประเด็นบวกหลักในวันนี้ ได้แก่ ความคีบหน้าการผลิตยารักษาไวรัส COVID-19 และการลงนามของปธน.ไบเดนในกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. 64 ไม่เกิดภาวะ Government Shutdown อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามประเด็นอื่นที่มีความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลกดดันตลาดได้เป็นระยะ ได้แก่ 1) น้ำท่วมภายในประเทศ ที่ขณะนี้หลายพื้นที่ยังคงวิกฤต แม้ในเบื้องต้นทางฝ่ายมองว่าไม่ยืดเยื้อ และน่าจะคลี่คลายได้ภายในช่วงกลางเดือน ต.ค. 64 และ 2) ประเด็นวิกฤตพลังงานและสภาพคล่องอสังหาฯ ในจีน ที่เพิ่มความเสี่ยงด้าน Downside ของภูมิภาคอาจกดดัน Fund Flow ไหลออกจากตลาด ฝั่ง Emerging Market กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ รับเงินบาทอ่อนค่า รับประโยชน์การซ่อมสร้างหลังน้ำท่วม และกลุ่มเปิดเมืองที่คาดว่าทยอยฟื้นในไตรมาสที่ 4
  • แนวโน้ม COVID-19 ทั่วโลกดีขึ้น รอลุ้นความคืบหน้ายารักษา: สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ท่ัวโลกภาพรวมมีพัฒนาการเชิงบวก โดยในหลายประเทศจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัวจากการกระจายวัคซีนที่มากขึ้นเช่นเดียวกับประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ประชากรกว่า 52% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ประมาณ 1,200-1,600 ราย ส่วนความคืบหน้าที่อาจเป็นจุดพลิก สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก คือ ผลการทดลองยาเม็ดต้าน COVID-19 “โมลนูพิราเวียร์” ของบริษัท Merck&Co ที่ล่าสุดพบว่า ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตลงได้ถึง 50% โดยรับประทานวันละ 2 มื้อเพียง 5 วัน  โดยจากความคืบหน้าน้ี ทำให้หุ้นของบริษัทที่ผลิตวัคซีนทั้ง Pfizer Moderna และ Novavax ปรับตัวลงทาง ฝ่ายมองว่าเป็นปัจจัยดีต่อสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากใช้เวลารักษาไม่นาน การกระจายยาเม็ดทำได้ง่ายกว่าวัคซีน และเบื้องต้นรับมือได้ทุกสายพันธุ์ อาจทำให้โลกควบคุม COVID-19 ได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ดี ต้องติด ตาม Merck&Co ยื่นขอ FDA สหรัฐภายใน พ.ย. 64 นี้ ถ้าหากอนุมัติใช้เป็นการฉุกเฉิน จะช่วยหนุนความหวังเปิดเมือง เปิดประเทศทั่วโลกอีกครั้ง
  • ปัจจัยต้องติดตามสัปดาห์นี้: 1) 8 ต.ค. ตัวเลขแรงงานสหรัฐเดือน ก.ย.64 ที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงมาที่ 5.1% และการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 4.6 แสนตำแหน่ง 2) 4 ต.ค. การประชุม OPEC+ ที่ อาจปรับเพิ่มกำลังการผลิตรองรับอุปสงค์ที่ขยายตัวรุนแรง 3) วิกฤตพลังงานในหลายประเทศ อาทิ ยูโรโซน จีน ที่เบื้องต้นราคาพลังงานน่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น และมาตรการคุมเข้มที่หากพลังงานขาดแคลนจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงได้

Picks of the day

CPALL BUY

  • คาดธุรกิจฟื้นตัวใน 4Q64: การทยอยคลาย Lockdown ตั้งแต่ 1 ก.ย. เพื่อเตรียมเปิดเมือง รวมถึงการเข้าสู่เทศกาลกินเจ 6-14 ต.ค. คาดส่งผลดีต่อจำนวนผู้เข้าใช้บริการให้เพิ่มสูงขึ้น
  • แนวโน้มภาระดอกเบี้ยลดลง: การ Refinance Bridging Loan ที่แล้วเสร็จ รวมการจะถ่ายโอน Lotus’s ไปให้ MAKRO และขายหุ้น MAKRO บางส่วนช่วง PO จะช่วยลดภาระหนี้การกู้

BEC BUY

  • คาด 3Q64 กำไรจะโตได้ y-y: แม้เม็ดเงินโฆษณาจะชะลอตัว แต่ต้นทุนและ SG&A ที่ปรับตัวลงหลังปรับโครงสร้างองค์กร และบริหารต้นทุนที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรใน 3Q64 ยังโตได้ y-y
  • 4Q64 คาดเม็ดเงินโฆษณาจะฟื้นตัว: หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ คาดเม็ดเงินโฆษณาที่คงค้างจะถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายปลายปี และยังมีการ simulcast ละครไปที่จีนที่จะมีรายได้สูง
- Advertisement -