Daily Focus
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index แกว่งตัว Sideways Down ต่ำคาด โดยระหว่างวันหลุดต่ำกว่าระดับ 1,600 จุดก่อนจะ Rebound ได้ค่อนข้างแข็งแรง และปิดลบเพียง 0.51 จุด หนุนโดยหุ้นกลุ่ม ไฟแนนซ์ ธนาคาร พลังงาน ที่ฟื้นตัวดี สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 644 ลบ. และ 2.6 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Future 4.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราประเมิน SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,600 1,620 จุด หลังสัปดาห์ก่อนสามารถยืนปิดเหนือแนวรับ 1,600 จุดได้ ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสเกิด Technical Rebound บรรยากาศ การลงทุนผ่อนคลายขึ้นระยะสั้นหลัง Dollar Index และ Bond Yield ของสหรัฐฯอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไร ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุม OPEC+ ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าแผนเดิมที่ 4 แสนบาร์เรลต่อเดือนหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงอยู่ที่สถานการณ์น้ำท่วมว่าจะลุกลามเพียงใด รวมถึงการทยอยเปิดเมืองควบคู่กับคุมการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักบวกกับการคลาย Lockdown Reopening เศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยภายนอก กลยุทธ์เน้น “ถือลงทุน” และเน้นหุ้นกลุ่ม Value และ Reopening Play ได้แก่ กลุ่ม ธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ ซึ่งจะได้อานิสงส์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 4Q21-2022
กลยุทธ์: เน้นเก็งกำไรหุ้น Value Play และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน ต.ค.: CFRESH, CK, KBANK, KCE, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: NETBAY
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32.50 บาท
- เราคาดแนวโน้มกําไรยังแข็งแรงเติบโตคู่ Transaction ในภาคการส่งออกที่แข็งแกร่ง รายได้และกำไรมีความผันผวนต่ำ และเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการมี Market Share >80% และลูกค้ามี Switching Cost ที่สูง
- เราคาดกำไรปี 2021-2024 +21% CAGR ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงในช่วง 2 ที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยลบระยะสั้นจากการหมด BOI กลางปีนี้ไปแล้ว ปัจจุบันเทรด 2022PER เพียง 23.5 เท่า ต่ำสุดเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่กว่า 40 เท่า
- แนวรับ 24.30-24.50 // 23.50 บาท แนวต้าน 26-26.25 บาท
Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาค และเร่งตัวขึ้นเป็น US$2,444 ล้าน นำโดยไต้หวันและอินโดนีเซีย US$1,485 ล้าน และ US$734 ล้าน ตามลำดับ แต่ไหลเข้าไทยและฟิลิปปินส์ประเทศละ US$56-78 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีโอกาสพลิกมาไหลเข้าระยะสั้นจาก Bond Yield สหรัฐฯที่ปรับลงแรงรวมถึง Dollar Index ที่อ่อนตัว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ปรับใช้ SET Target ปี 2022 ที่ 1,770 จุด เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของ EPS ในปี 2022 ที่คาด +13% Y-Y ซึ่งได้อานิสงส์จากการคลาย Lockdown และการทยอยลดวันกักตัวเปิดประเทศในอนาคต ซึ่งเรามองว่ามีน้ำหนักบวกมากกว่าความเสี่ยงจากการเริ่มลด QE ของ FED ปลายปี 2021 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.3 แสนบาท ตั้งเริ่มทำ QE ในปี 2022 แตกต่างจากปี 2009-2013 ที่ซื้อสุทธิ 1.9 แสนลบ. ทำให้กระแสเงินทุนคาดไม่ไหลออกเพิ่มในปริมาณที่เร่งตัว Theme การลงทุนในปี 2022 ยังเน้นหุ้น Domestic และ Reopening Play ซึ่งจะฟื้นตัวล้อกับเศรษฐกิจ บวกด้วย Trend ธุรกิจที่เติบโตระยะยาวทั้ง Digital E-Commerce Green Energy และ Cross Industry Partnership เราเลือก Top Pick สําหรับ 4Q21-2022 ได้แก่ CK CPALL CRC GPSC JWD TKS ORI SCB TU VRANDA
(+) ADVANC คาดกำไร 3Q21 -6%Q-Q, -4%Y-Y แม้รายได้จะโตได้เล็กน้อย แต่ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดรวมถึง Disney+ และโอลิมปิคที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดทยอยฟื้นตัวใน 4Q21 เป็นต้นไป ส่วน JV AISCB แม้ระยะสั้นอาจยังไม่เป็นบวกต่อกำไรอย่างมีนัยยะ แต่เป็นสัญญาณว่า ADVANC จะรุกตลาดด้าน Digital มากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมี Catalyst ทั้งโอกาสในการตั้ง Infrastructure Fund โอกาส JV ธุรกิจใหม่กับ GULF รวมถึงการจ่ายปันผลที่สูงขึ้น เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 220 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) TACC มีแผนขยายฐานลูกค้าเครื่องดื่มที่เป็น Non 7-11 มากขึ้น ได้แก่ การเข้าไปใน Lotus’s go fresh (ร้าน Jungle Cafe) Bao Café และร้านกาแฟพันธุ์ไทย เป็นต้น ขณะที่ยังโตต่อเนื่องกับลูกค้าหลัก 7-11 ทั้งการออกสินค้าใหม่ และการเป็น Supplier ให้กับ 7-11 กัมพูชารวมถึงลาว ในอนาคตระยะสั้นกำไร 3Q21 คาดทรง Q-Q แต่ยังโต Y-Y จากผลกระทบของ COVID-19 และปัญหา Supply Chain แต่จะเร่งตัวใน 4Q21 จากทั้งการฟื้นของกลุ่มเครื่องดื่ม และธุรกิจ Character รวมถึงการเลื่อนขึ้นภาษีน้ำตาล เราคาดกำไรปี 2021-2022 +18% Y-Y และ 12% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 8.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ONEE ดำเนินธุรกิจด้านสื่อและความบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตรายการจนถึงการเป็นเจ้าของช่องทางการเผยแพร่ทั้ง Offline เช่น ONE31 และเป็นตัวแทนการตลาดให้ช่อง GMM25 ตลอดจนผลิตรายการวิทยุ EFM Greenwave และ Chill Online ส่วนช่องทาง Online ใช้ Social Media อย่าง YouTube Facebook รวมถึง OTT อย่าง LineTV NETFLIX ด้วยจุดเด่นเรื่องการเป็น Content Creators มาอย่างยาวนาน ประกอบกับกลยุทธ์การเติบโตที่ไม่ยึดติดกับช่องทางเผยแพร่ใดช่องทางหนึ่ง มุ่งเน้นที่จะสร้าง Content เพื่อตอบโจทย์ตลาดนั้นๆ อย่างเต็มที่ เราประเมินกำไรสุทธิปี 2021-2024 +12% CAGR ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2021 ที่ 26,049 ลบ. (Finansia อาจเป็นผู้จัดจำหน่ายฯ )
(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 482.54 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ 34,326.46 จุด หนุนจากประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว รวมถึงบริษัท เมอร์คแอนด์โค บริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐฯเตรียมยื่นเรื่องต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกรณีฉุกเฉิน หลังผลการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังมีรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนส.ค. ปรับขึ้นมากกว่านักวิเคราะห์คาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนแอ และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมโดยตลาดหุ้นจีนและเกาหลีใต้ปิดทําการวันนี้
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 85 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 75.88 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ท่ามกลางติดตามการประชุมกําหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 ต.ค.
(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์หรือ 0.08% ปิดที่ 1,758.4 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 986.54 / -3.49