เราประเมินมูลค่าเหมาะสมสิ้นปี 2565 ของหุ้น SVT ไว้ที่ 3.1 บาท โดยมีมุมมองว่า P/E fwd ดูน่าสนใจ อิง 22 เท่าในปี 2565 ซึ้งถูกกว่าค่าเฉลี่ยธุรกิจค้าปลีกที่ที่ขายสินค้าประเภทใกล้เคียงกันเฉลี่ยยอดหลัง 5 ปี ที่ 25-30 เท่า ช่วงปี 2558-2562 เราคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ระดับ ร้อยละ 39% ใน 3 ปีข้างหน้า หนุนโดย การขยายจำนวนตู้ ที่วางเป้าใว้กว่า 20,000 (+50%) ตู้ภายในปี 2566
ผู้นำในธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ในประเทศไทย
SVT เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกจำหน่ายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งแบ่งประเภทธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ (1.) ธุรกิจขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ, (2.) ธุรกิจขายและให้เช่าเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (3.) ธุรกิจการบริการพื้นที่บนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพื่อโฆษณา รายได้หลักของ SVT มาจากการขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว จากจุดบริการที่มีมากกว่า 13,884 เครื่อง
SVT จะเติบโตก้าวกระโดดใน 3 ปี ข้างหน้า
เราคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัท จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ระดับ ร้อยละ 39% ในช่วงเวลา 2564-2566 หนุนจาก (i) การขยายจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าของทางบริษัทที่วางเป้าไว้กว่า 20,000 ตู้ภายในปี 2566 จากปัจจุบันที่สิ้น 2Q64 13,884 ตู้ (ii) การฟื้นตัวของยอดขายต่อตู้จากการในภายภาคหน้าหลังปัญหา Covid-19 ลดลง (iii): การประหยัดต่อขนาดจะหนุนให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นในอัตราเร่งตัว จากร้อยละ 3.3 ในปี 2564 เพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ 5.2 ในปี 2566
มูลค่าเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 3.1 บาท
SVT ดำเนินกิจการอยู่ในธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านตู้จำหน่ายอัตโนมัติ โดยสินค้าที่ขายเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพ ดั้งนั้นเราจึงมองว่าธุรกิจ SVT มี เป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ในลักษณะที่มีความต่อเนื่อง (Recurring income) ในการประเมินมูลค่าบริษัทด้วยวิธี DCF เราตั้งสมมติฐาน WACC ที่ 11.3% และ การเติบโตในระยะยาว 2% เมื่อนำมาใช้คิดลดกลับกระแสเงินสดคาดการณ์ในอนาคต 10 ปีข้างหน้าจะได้มูลค่าบริษัทที่ 3.1 บาทต่อหุ้น สิ้นปี 2565 โดยมี P/E อิง เพียง 21.8 เท่าสิ้นปี 2565 เมื่อกำไรและรายได้ฟื้นตัว