บล.ฟิลลิป:
ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ – LEO ครึ่งปีหลังยังดี
ครึ่งปีแรก 64 กําไร +148.2%y-y และมากกว่าทั้งปี 63 จากรายได้ขนส่งทางทะเลที่ปรับตัวขึ้น
ในครึ่งปีแรก 2564 มีกําไร 70 ล้านบาท +148.2% y-y และมากกว่าทั้งปี 2563 ท่ี 57 ล้านบาทไปแล้ว จากรายได้ขนส่งทางทะเล (Sea Freight) ท่ีปรับตัวสูงขึ้นจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ โดยรายได้ +92% y-y เป็น 1,032 ล้านบาท นําโดย 1) ขนส่งทางทะเลมีสัดส่วนที่ 82% ของรายได้โต 144.4% ทั้งจากค่าบริการต่อตู้เฉลี่ยปรับตัวขึ้นราว 60% จากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และการจัดหําตู้ ให้บริการลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 52% เป็น 42,209 Teus 2) ขนส่งทางอากาศสัดส่วนรายได้ 8% ลดลง 16.8% เพราะปีก่อนมีการเช่าเหมาลําเครื่องบินใน 1Q63 มาให้บริการสินค้าตกค้าง ซึ่งมีอัตราค่าขนส่งท่ีสูงกว่าปกติที่ปีนี้ไม่มี 3) บริการโลจิสติกส์สัดส่วนรายได้ 8% โต 20.9% จากปริมาณสินค้าท่ีขนส่งเพิ่มขึ้น ทําให้เที่ยววิ่งและบริการศุลกากรเพิ่มขึ้น และ 4) เช่าพื้นท่ีและฝากตู้สินค้าสัดส่วนรายได้ 2% ลดลง 14.5% จากผลของ COVID-19 ทําให้ลูกค้ามาใช้บริการลดลง ต้นทุนและ SG&A +101.9% และ +49.6% ตามรายได้ อัตรากําไรขั้นต้นลดลงเป็น 25.3% จาก 28.9% เพราะผลักต้นทุนค่า Sea Freight ไปได้ไม่ทั้งหมด และส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 116.3%
การส่งออก-นําเข้าของไทยยังเติบโตดีในปี 2564
กระทรวงพาณิชย์ประกาศใน 2M 3Q64 มูลค่าการส่งออก-นําเข้า +14.4% และ +46.9%y-y ทําให้เห็นแนวโน้มในครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดี และสะสม 8M64 +15.2% และ +31% y-y ซึ่งสินค้าท่ีส่งออก 5 อันดับแรกของไทยเป็นรถยนต์และส่วนประกอบ, คอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ฮ่องกง ในขณะที่สินค้านําเข้า 5 อันดับแรกของไทยเป็นน้ำมัน, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เคมีภัณฑ์, เครื่องจักร ไฟฟ้า และส่วนประกอบและเหล็กเหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ตลาดนําเข้าหลัก คือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย ไต้หวัน ซึ่งสินค้าและประเทศท่ีส่งออกและนําเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าและประเทศท่ี LEO ให้บริการ โดย ธปท. คาดปี 2564 การส่งออก-นําเข้าจะเติบโต 16.5% และ 23.8% ซึ่ง เป็นผลดีต่อการเติบโตของ LEO ในปีนี้
2H64 คาดยังโตต่อเนื่องทั้งจาก High Season, ค่าระวางเรือยังสูงต่อเนื่อง และการขยายงานร่วมกับพันธมิตร
ปกติในครึ่งปีหลังจะเป็น high season ของการนําเข้า-ส่งออก ซึ่งส่งผลดีต่อกิจกรรมการให้บริการของ LEO และอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ยังคงสูงต่อเนื่อง เมื่อดูจากดัชนี Shanghai Container Freight Index โดยผู้ประกอบการเดินเรือคาดว่าอัตราค่าระวางเรือจะยังคงดี อย่างน้อยไปถึงกลางปี 2565 ส่งผลบวกต่อรายได้ขนส่งทางทะเล ซึ่งเป็นรายได้หลักและมีสัดส่วนในรายได้มากสุดอีก ทั้ง LEO ยังมีงานขยายงานกับพันธมิตรหลายราย 1) จัดตั้ง JV “คาร์ดินัลมาริไทม์ (ประเทศไทย)” ร่วมกับคาร์ดินัลฯ ประเทศอังกฤษ ในการดําเนินธุรกิจโลจิสติกส์ และขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เน้นตลาดอังกฤษยุโรปเหนือและทั่วโลก เริ่มดําเนินงาน ต.ค. 2) ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในไทยกับ China Post Yunnan ภายใต้ China Post Group เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจขนส่ง ไปรษณียภัณฑ์ และพัสดุภัณฑ์ทางอากาศ โดยเฉพาะพัฒนาขนส่งสินค้า e-Commerce ระหว่างไทย-จีนและเป็นตัวแทน (Sales Agent) ของสายการบิน China Postal Airlines เพื่อขนส่งสินค้าไม่น้อยกว่า 4 เท่ียว/สัปดาห์ 3) ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการพัฒนาตลาดและลูกค้ากลุ่ม e-Commerce ทั้งศูนย์กระจายสินค้าสยามติยานนท์ขนส่งสินค้าทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาบริการใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจให้กับทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ LEO ก็มีการขยายงานของตนเอง โดยจะเปิด Self Storage แห่งท่ี 2 ท่ีเยาวราชและลานรับฝากตู้คอนเทนเนอร์แห่งท่ี 2 ใน 4Q64 และการทํา M&A ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ 1 แห่งเป็นผู้ให้บริการ Air Freight และยังมีคุย Ref.No.:CO2564_1241 อีก 2-3 ราย ทั้งโดยเน้นบริษัทในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งจะมีความชัดเจนในปี 2565
ปรับคําแนะนําขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 2565 ท่ี 14.00 บาท
จากการเติบโตของการนำเข้า-ส่งออกของประเทศ และอัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวขึ้นทำให้กำไรใน 1H64 สูงกว่าทั้งปี 2563 ไปแล้ว ทางฝ่ายปรับคาดการณ์รายได้ปี 2564 ขึ้นเป็น 2,206 ล้านบาท และปรับกำไรสุทธิขึ้นเป็น 156 ล้านบาท +174.3%y-y และในปี 2565 คาดรายได้ที่ 2,428 ล้านบาท +10.1%y-y จากการขยายงานทั้งของบริษัทเอง และร่วมกับพันธมิตร ซึ่งยังไม่รวมการทำ M&A คาดกำไรสุทธิที่ 179 ล้านบาท +15%y-y อิง P/E ท่ี 25 เท่า ราคาพื้นฐานปี 2565 อยู่ที่ 14.00 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”