Our View? ”ปรับขึ้น”
โดยให้น้ำหนักราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ล่าสุดอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ย. ตามคาด และล่าสุดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.7% อยู่ที่ 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับแต่ต.ค.’57 พร้อมกับราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงกว่า 200 ดอลลาร์/ตัน จากวิกฤตขาดแคลนพลังงานในจีน นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดดัชนีภาคบริการ-ก.ย.อยู่ท่ี 61.9 สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 60.0 และเพิ่มขึ้นจาก 61.7 เมื่อ ส.ค. ส่งผลดีต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจท่ีฟื้นตัว
ส่วนปัจจัยที่คาดยังกดดันอยู่ (1) Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปี ล่าสุด ยังเพิ่มข้ึน 3.24% อยู่ท่ี 1.529% จากความกังวลอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงเฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เร็วกว่าคาดถึง 1 ปี จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร-ก.ย. ของสหรัฐ ในวันศุกร์นี้ คาดเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง ดีกว่าเดือนส.ค.ที่ เพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่ง และ (2) ความกังวลต่อการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ จำนวน 28.4 ล้าน ล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องขยายก่อนวันที่ 18/10/64 นี้ โดยสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้ และ Worst Case อาจมีผลทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ พร้อมมีความเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเช่ือถือลงสู่ระดับต่ำสุดท่ี D คาดทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกปั่นป่วน และกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้น
แนะติดตามประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน คาดผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) จะมีการทบทวนนโยบายการค้า หลังจีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้า Phase I ซึ่งสหรัฐเรียกร้องให้จีนเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรกรรม สินค้าประดิษฐกรรม พลังงาน และบริการของสหรัฐ ในวงเงิน 2 แสนล้าน ดอลลาร์ในช่วง 2 ปีท่ีผ่านมาจนถึงสิ้นปี’64
ทางด้านปัจจัยภายในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ คาดกลุ่มนิคมฯ เช่น ROJNA และ WHA ได้รับ Sentiment บวก จากแผนการส่งเสริมการลงทุน หลังวานน้ี (5/10/64) ครม. เห็นชอบให้จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 6 แห่ง และเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 1 แห่ง ในเขต EEC เพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะเวลา 10 ปี มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท พร้อมคาดหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย กลุ่มวัสดุก่อสร้างได้ประโยชน์จากความต้องการ Replacement อาทิ DRT, DCC และ TASCO รวมถึงกลุ่ม Commerce ยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่ายในช่วงปลายปี
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “PTTEP”
คาด 3Q/64 มีกำไรสุทธิ 9,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% qoq และ 31% yoy และคาดราคาน้ำมันดิบดูไบ 4Q/64 อยู่ในช่วง 75-85 USD/bbl ซึ่งแนวโน้มในช่วงถัดไปขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะท่ีกลุ่มโอเปกพยายามควบคุมราคาน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับ 75-85 USD/bbl หลัง การประชุม OPEC+ เมื่อ 4/10/64 มีมติคงการผลิตน้ำมันเพิ่มไว้ที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน ส่งผลให้เริ่มเกิดภาวะอุปทานตึงตัว คาดราคาน้ำมันดิบ 4Q/64 ยังมีโอกาสขยับขึ้นต่อเนื่อง ประเมินราคาเป้าหมายปี ’64 เท่ากับ 146.00 บาท (DCF)